หาหุ้น VI พื้นฐานดีเพื่อสร้างพอร์ตลงทุนหุ้น ควรมีวิธีวิเคราะห์อย่างไร

หุ้น VI

การค้นหาหุ้น VI เพื่อซื้อลงทุนหุ้นระยะยาว เป็นทักษะจำเป็นที่นักลงทุนจะต้องฝึกฝน โดยเฉพาะการมองธุรกิจให้ขาดว่า ธุรกิจที่สนใจอยู่นั้นเป็นธุรกิจที่ดีหรือไม่ดีในระยะยาว แต่หากมองไปที่หุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้ ซึ่งมีจำนวนหลักพันตัว อาจจะตาลายสับสนได้ เพราะไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวที่อยู่ในตลาดจะเป็นหุ้นที่ดี ดังนั้นในการเริ่มพลิกหินเพื่อจะหาหนอนครั้งแรก เราต้องรู้วิธีมองให้ออกว่าธุรกิจแบบไหนละ ที่ควรค่าแก่การติดตามค้นหาข้อมูลเชิงลึกต่อไป และเราจะได้ไม่ไปเสียเวลากับหุ้นที่ไม่คู่ควรอีกต่อไป

บทความนี้จะเป็นการสรุปรวบยอด วิธีการดมกลิ่นธุรกิจที่มีโอกาสที่จะเป็นธุรกิจที่ดี และ(น่าจะ)สร้างมูลค่าพอร์ตการลงทุนหุ้น VI ที่เติบโตในอนาคตให้กับท่านได้ โดยหุ้นที่ดีไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติครบทุกข้อตามบทความ แต่อาจจะมีเพียงบางข้อที่โดดเด่นมากพอที่จะสร้างอำนาจการแข่งขันในระยะยาวได้

1. เข้าใจผลิตภัณฑ์และบริการ

การลงทุนในขอบเขตความรู้ที่ตัวเองมี เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่สุด การที่เราเข้าใจในตัวสินค้าหรือบริการของกิจการที่ได้ตัดสินใจแล้วว่านี่คือ “กิจการที่ดี” และได้ร่วมลงทุนถือหุ้น เป็นวิธีการแรกที่จะสร้างความมั่นใจ ความกระตือรือร้นในการติดตามข้อมูล ข่าวสาร นโยบาย การเติบโตของกิจการ ที่สำคัญคือเราสามารถที่จะถือครองหุ้นตัวนั้นได้นานอย่างสบายใจ เพราะถือได้ว่าเราอยู่ในพื้นที่ๆได้เปรียบกว่าคนที่เขาไม่เข้าใจในตัวสินค้าหรือบริการ

และการที่จะเข้าใจในตัวสินค้าหรือบริการได้นั้น อาจจะมาได้จาก การที่เราได้คลุกคลีกับผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะในฐานะผู้บริโภคแบบแฟนพันธ์แท้ หรือมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทนั้นๆไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกค้า หรือคู่ค้า ล้วนแล้วแต่ทำให้เรามีโอกาสได้ทำความเข้าใจกับวงจรผลิตภัณฑ์หรือบริการของกิจการนั้นๆได้ทั้งสิ้น และนี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พบเจอกับหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

2. มีแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ

Coca Cola. Gillet, Mcdonal, Starbucks ล้วนเป็นตัวอย่างที่พิสูจน์อย่างเห็นได้ชัดว่า แบรนด์หรือยี่ห้อนั้น เป็นสิ่งที่ลูกค้ายอมจ่ายด้วยราคาที่สูงกว่า หรือสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายๆแบบไม่เกี่ยงราคาเพียงแค่เห็นยี่ห้อ

แต่ใช่ว่าแค่พอมียี่ห้อเท่านั้น แบรนด์ที่ดีและมีผลต่อการเจริญเติบโตของกำไรนั้นจะต้องมีคุณสมบัติหลักนั่นคือ การที่สามารถใช้ยี่ห้อที่มีอยู่นั้นตั้งราคาสูงๆได้ โดยไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า และราคาที่สูงนั้นส่งผลดีกับการเติบโตของกำไรอย่างชัดเจน

แม้กระทั่งหากสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถใช้วิธีตั้งราคาสูงๆได้ แบรนด์นั้นก็จะต้องมีความน่าเชื่อถือมากพอที่จะทำให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำๆแบบต่อเนื่อง จนส่งผลต่อการเติบโตของกำไรอย่างชัดเจน

3. สินค้าหรือบริการไม่แข่งขันกันด้านราคา

การตัดราคาถือว่าเป็นวงจรอุบาทว์หรือเนื้อร้ายในการดำเนินธุรกิจ หากกิจการไม่สามารถสร้างอำนาจทางการแข่งขันได้ด้วยวิธีอื่นนอกจากการตัดราคาเพื่อเเย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดแล้วนั้น หรือสินค้าที่ลูกค้าใช้ราคาในการตัดสินใจซื้อเพียงอย่างเดียวถือว่าเป็นจุดตายของธุรกิจ และจะต้องหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปลงทุน

ตัวอย่างกิจการประเภทนี้เช่น เหล็ก แก๊ส กระดาษ เครื่องบินโดยสาร เป็นต้น

4. ไม่ล้าสมัยแม้เวลาผ่านไปนาน

ลองมองหาสินค้าหรือบริการของกิจการที่แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี ก็ไม่ล้าสมัย ไม่มีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ธุรกิจที่สามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการอยู่เรื่อยๆ จะสามารถเอาเวลาส่วนใหญ่ไปมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีอยู่แล้วให้ขายได้จำนวนที่มากขึ้น และจะลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกับผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่างเช่น หากถามว่าระหว่างช็อกโกแลต กับ โทรศัพท์มือถือ อีกสิบปีข้างหน้ารูปแบบของผลิตภัณฑ์สองอย่างนี้ จะแตกต่างจากเดิมอย่างไร เราจะสามารถตอบได้ทันทีว่า อีกสิบปีข้างหน้าพฤติกรรมการกินช็อกโกแลตคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่สำหรับโทรศัพท์มือถือเราตอบแบบไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอาจจะนำมาทั้งเรื่องราวที่ดีและไม่ดี แต่หากเราเน้นเรื่องความปลอดภัย อะไรที่เราคาดการณ์ไม่ได้ เราควรจะหลีกเลี่ยง

5. ทำมาหากินเฉพาะในสิ่งที่เชี่ยวชาญ

กิจการที่มีจุดยืนชัดเจน และมุ่งเน้นการทำผลิตภัณฑ์หรือบริการเพียงสิ่งเดียว ไม่จับฉ่าย ไม่เปลี่ยนไปมา จะสามารถสร้างความได้เปรียบจากความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ให้แข็งแรงขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป ซึ่งจะเเตกต่างกับกิจการที่หลากหลายผลิตภัณฑ์หรือบริการ และมีแนวโน้มที่จะวิ่งไล่ตามกระแส เหล่านี้จะเป็นการตัดวงจรการสร้างความได้เปรียบจากความเชี่ยวชาญอยู่เรื่อยๆ

6. สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

เงินเฟ้อคือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเป็นของจริง ดังนั้นหากกิจการสามารถขึ้นราคาสินค้าหรือบริการได้ตามภาวะเงินเฟ้อ โดยไม่ต้องไปกังวลว่าเมื่อขึ้นราคาเเล้วจะสูญเสียฐานลูกต้าหรือไม่ (เพราะลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายเพิ่ม) กิจการเหล่านี้จะมีความได้เปรียบในหลายๆด้าน เช่น สามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ มีกำไรที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

7. เงินลงทุนไม่สูง เมื่อต้องขยายงาน

การขยายงานถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างการเติบโตในกับกิจการ แต่หากการขยายงานนั้นจำเป็นที่จะต้องดึงเอากำไรสะสมมาใช้ หรือแม้กระทั่งต้องกู้เงินก้อนโตมาใช้จ่าย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะการเติบโตของราคาหุ้นในระยะยาว ขึ้นกับการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเป็นสำคัญ ดังนั้นหากการขยายงานของกิจการกระทบกับกำไรสุทธิ ก็จะทำให้ผลการดำเนินงานสะดุดเป็นระยะๆ

 

Stock fundamental

8. ROE เติบโตต่อเนื่อง

ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นหรือ ROE ( Return on Equity )ที่สูงมากพออย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ถือว่าเป็นกิจการที่คุ้มค่าต่อการลงทุน กิจการเหล่านี้มีโอกาสที่จะรักษาสถานะของความเป็นผู้ได้เปรียบในการแข่งขัน และเป็นสัญญาณที่ดีที่จะสร้างการเติบโตในอนาคตได้

9. EPS เติบโตต่อเนื่อง

กำไรต่อหุ้นหรือ EPS ( Earning per Share ) ที่ผ่านมาเป็นตัวเลขที่หาได้จากประวัติการดำเนินงานของกิจการ หากที่ผ่านมาสามารถทำได้ดีและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ควรที่จะเข้าไปค้นหาข้อมูลต่อ แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้จะไม่สามารถใช้การันตีผลการดำเนินงานต่อไปในอนาคต แต่ก็เปรียบเสมือนหลักฐานยืนยันได้ระดับนึงว่า นักเรียนที่เคยเรียนดีมาตลอดก็(น่า) ที่จะทำได้ดีต่อไปในอนาคต

10. มีสิทธิบัตร (ลิขสิทธิ์)

แม้ว่าบ้านเราการควบคุมกฎหมายทางด้านลิขสิทธิ์จะไม่ค่อยเเข็งแรงนัก ดังจะเห็นตัวอย่างจากข่าวคราวการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่เรื่อยๆ แต่การที่กิจการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีการจดทะเบียนลิขสิทธ์ ยังคงถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความได้เปรียบในการแข่งขันที่กิจการนั้นๆ มีอยู่ ยิ่งหากกิจการเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ที่มีความหลากหลาย และมีอายุยาวนาน ก็จะสร้างความมั่นใจได้ระดับนึงว่ากิจการจะสามารถรักษาฐานลูกค้าและกำไรได้ตลอดระยะเวลาที่อายุลิขสิทธ์เหล่านั้นยังคงอยู่

11. ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ

กิจการที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ ถือว่าเป็นกิจการที่มีอำนาจการผูกขาดอยู่กลายๆ เนื่องจากคู่แข่งจะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาเล่นในสนามนี้ได้แบบอิสระ ดังนั้นกิจการเหล่านี้จะมีอำนาจในการสร้างรายได้ และมีการเติบโตของกำไรที่ค่อนข้างเสถียร ตราบเท่าที่สัมปทานที่ได้รับนั้นยังไม่หมดอายุ

สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ ต้องดูในรายละเอียดของการได้รับสัมปทานว่า ภาครัฐได้เข้ามาควบคุมราคาในการขายสินค้าหรือบริการจนกิจการไม่สามารถสร้างกำไรได้หรือไม่ สัมปทานที่ได้รับสร้างอำนาจการผูกขาดให้กิจการได้หรือไม่ และนโยบายต่างๆที่ภาครัฐออกมากำกับการดำเนินกิจการคอยจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไหม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในกรณีนี้เช่น กิจการที่ได้รับสัมปทานการเข้าไปบริหารจัดการสนามบิน เหมืองแร่ ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น

12. สามารถควบคุมต้นทุนได้

ต้นทุน เป็นปัจจัยหลักของการดำเนินกิจการในทุกๆธุรกิจ มีหลายกิจการต้องล้มหายตายจากไปเพราะไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ หรือต้นทุนที่ลงทุนไปไม่คุ้มกับรายได้ที่ได้รับ (ขาดทุน)

กิจการที่ดีจะมีวิธีการในการควบคุมต้นทุนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยที่ต่ำกว่า การลดต้นทุนการขนส่ง อยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ เป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติที่หายาก กระบวนการผลิตที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ มีอำนาจในการต่อรองกับซัพพลายเออร์ เป็นต้น

แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนสิ่งที่เราต้องใส่ใจคือ ประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนที่กิจการได้ลงมือทำไปนั้นต้องส่งผลต่อการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

13. ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ยาก

คงไม่ดีแน่ หากการเปลี่ยนใจย้ายค่ายของลูกค้าสามารถทำได้ง่ายๆ กิจการที่ดีจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้กระบวนการเปลี่ยนย้ายผลิตภัณฑ์เป็นไปแบบยากลำบาก(นิดหน่อยถึงมาก) โดยส่วนใหญ่จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกไม่คุ้มค่าระหว่างราคาที่จะต้องจ่ายตอนเปลี่ยนย้าย กับผลประโยชน์ที่ได้รับอยู่จากผลิตภัณฑ์หรือบริการของกิจการ

ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม iOS ของ Apple ที่รองรับ Application, Content ต่างๆที่ไม่สามารถโอนย้ายข้อมูลที่ใช้ระบบ iOS อยู่ไปใช้กับระบบ Android ได้ เป็นต้น

14. มีเครือข่าย และการขยายสาขา

กิจการที่สามารถเติบโตได้จากการขยายสาขาและสาขาที่ขยายไปนั้นสามารถทำเงินได้คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป ถือว่าน่าจับตาเพราะการขยายสาขาทำได้โดยการก็อปปี้ความสำเร็จจากที่ๆหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง และเเพร่ขยายไปจนครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ กิจการสามารถสร้างการเติบโตของกำไรได้ตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น กิจการค้าปลีก ร้านกาแฟ เป็นต้น

หรือการที่กิจการมีเครือข่ายคู่ค้าที่ใหญ่พอและเหนียวแน่นพอ เช่นบัตรเครดิตที่ผูกติดกับห้างร้านต่างๆ บริการจองที่พัก หรือโรงแรม ที่ผูกติดกับที่พักหรือโรงแรมทั่วโลก ลักษณะการผูกติดกับเครือข่ายแบบนี้ยิ่งนานวันเข้า อำนาจความได้เปรียบในการแข่งขันของกิจการก็จะยิ่งมากขึ้น และส่งผลต่อการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

15. อยู่ในตลาดที่มีขนาดจำกัด

กิจการที่ทำมาหากินอยู่ในตลาดที่มีขนาดจำกัด คู่แข่งมองว่าไม่คุ้มที่จะเข้ามาแข่ง หรือเคยมีคู่แข่งเข้ามาก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไป ถือว่าเป็นกิจการที่มีอำนาจในการเเข่งขันอีกรูปแบบหนึ่ง และไม่ค่อยมีคนสนใจนัก

ตัวอย่างเช่น กิจการท่อส่งน้ำมัน น้ำประปาหรือโรงไฟฟ้าในเมืองเล็กๆ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เป็นต้น

16. สอดคล้องกับกระเเสการเติบโต ( Mega trend )

กิจการที่ดำเนินธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเมกะเทรนด์ในอนาคตเช่น สังคมผู้สูงอายุ การขยายตัวของสังคมเมือง ถือว่ามีโอกาสที่จะขยายตลาดได้ในอนาคต แต่ก็อย่าไปให้น้ำหนักมากนัก เพราะยังถือว่าเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่แน่นอน

สรุป

จะเห็นว่าปัจจัยต่างๆในการค้นหาหุ้น VI เพื่อคัดเลือกหุ้นลงทุนระยะยาวนั้น จะเป็นการค้นหาจุดแข็งและข้อได้เปรียบของธุรกิจเป็นหลัก เราอาจจะไม่สามารถหาหุ้นที่มีคุณสมบัติครบทุกข้อที่กล่าวมา แต่หุ้นที่เราตัดสินใจเลือกลงทุนนั้นควรมีคุณสมบัติอย่างน้อยหนึ่งข้อ ที่โดดเด่น (หากมีหลายข้อก็ยิ่งดี) เพราะจะหมายถึงความสามารถในการเเข่งขันของธุรกิจที่เราคัดเลือกลงทุน จะนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ลดลง รวมทั้งโอกาสในการทำกำไรในอนาคตของพอร์ตหุ้นระยะยาวที่เราสร้างขึ้นมา

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *