การเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นจะว่าไป ก็ขึ้นกับความต้องการส่วนตัวของแต่ละคนครับ กรณีที่เรามีความพอใจกับชีวิตในปัจจุบันแล้วคงไม่มีความจำเป็นที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง
หากแต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังมีความรู้สึกว่าชีวิตยังเติมไม่เต็ม หรือยังคงตามหาบางสิ่ง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แนวคิด ปัจจุบันของตนเองเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย เพราะตระหนักดีว่าหากยังดำเนินชีวิตด้วยพฤติกรรมเดิมๆคงยากที่จะประสบความสำเร็จได้
บทความนี้จะเป็นการรวบรวม 29 แนวทาง วิธีคิดและการปฎิบัติเพื่อให้ท่านสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ได้สำเร็จ
อ้างอิง : “ชีวิตผมเปลี่ยนไป เมื่อได้เทพช้างมาเป็นกุนซือ” เขียนโดย เคยะ มิซุโนะ แปลโดย อภิญญา เตชะบุญ ไพศาล สนพ. วีเลิร์น
1. ดูแลรักษาเครื่องมือทำมาหากิน
ให้เปรียบเสมือนเครื่องมือทำมาหากินเป็นของศักดิ์สิทธิ์ คือการสำนึกถึงคุณค่าของข้าวของเครื่องมือเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ทำมาหากิน เป็นคุณสมบัติสำคัญอย่างแรกที่จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองสู่ความสำเร็จ ให้เรามองให้เห็นว่าสิ่งของเหล่านั้นดังว่าเหมือนมีชีวิต เป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนเราให้ได้มาซึ่งรายได้ การที่เรารู้จักเริ่มต้นมองสิ่งเล็กน้อย ที่อยู่ในชีวิตของเราก่อนดังนี้ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญของเราครับ
2. ทำบุญและบริจาค
ไม่สำคัญว่าเราจะเริ่มด้วยจำนวนเงินที่น้อยหรือมาก การให้อีกนัยหนึ่งคือการทำให้คนอื่นมีความสุข สังคมมีความสุขและสังคมได้รับประโยชน์ ตัวอย่างเช่น มัตซึชิตะ โคโนสุเกะ ผู้ก่อตั้งบริษัทพานาโซนิค เขามีความมุ่งหวังที่จะกำจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปในสังคมจึงพยายามผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกที่ไม่ว่าใครก็สามารถซื้อได้ ผลของความพยายามที่จะให้สังคมด้วยคอนเซปท์ลักษณะนี้ก็สะท้อนกลับมาที่ผลการดำเนินงานทีเติบโตของบริษัทในยุคที่แบรนด์พานาโซนิครุ่งโรจน์
3. กินเพียงพอดี กินแค่รู้สึกอิ่ม
การทานอาการมากเกินไปส่งผลเสียต่อร่างกาย ส่งผลให้สมาธิลดลง และง่วงนอนระหว่างวันมากขึ้น เทคนิคการลดน้ำหนักด้วยวิธี Fasting หรือ IF สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ และยังส่งผลดีต่อสมาธิในการทำงาน และความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งการทานอาหารแต่พอดีทำให้สุขภาพดีขึ้น และยังโฟกัสงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเราควรควบคุมปริมาณการกินอาหารในแต่ละวันของเราอย่างสม่ำเสมอ
4. รู้ทันความต้องการของผู้อื่น
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นมักจะมีความสามารถในการเติมเต็มความต้องการและรู้ว่าสิ่งที่ผู้คนต้องการนั้นคืออะไร ยกตัวอย่าง เฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ เริ่มต้นด้วยความคิดที่ว่าคนอยากเดินทางได้เร็ว และสะดวกสบาย จึงเป็นที่มาของการผลิต รถยนต์ฟอร์ด โมเดลที รุ่นบุกเบิกคันแรกของโลก เพียงคาดการณ์สิ่งที่คนอื่นต้องการ และนำเสนอมันอย่างตรงจุด ฟอร์ดก็สามารถเปลี่ยนแปลงยนตรกรรมยานยนตร์ของโลกไปตลอดกาล
5. มีอารมณ์ขัน สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนที่อยู่รายล้อม
การสร้างเสียงหัวเราะทำให้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้นได้ สังเกตได้จากคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดมักทำให้บรรยากาศโดยรอบเสีย และยังไม่ก่อให้ความคิดสร้างสรรค์หรือไอเดียใหม่ๆ ได้ นอกจากนั้นการสร้างเสียงหัวเราะยังส่งผลดีต่อไอเดีย ความคิด แรงจูงใจในการทำงาน และยังทำให้เราสามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้ เริ่มง่ายๆ เพียงแค่เราลองเริ่มจากการเล่าเรื่องสนุกๆ รู้สึกยินดีที่ได้พบกับผู้อื่นในแต่ละวันที่พบเจอ
6. ขัดห้องน้ำ
การขัดห้องน้ำแม้เป็นงานที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำ แต่สิ่งนี้กลับสามารถสร้างความสุขให้แก่ผู้อื่นได้ดีที่สุด สังเกตได้จากร้านอาหารที่เราไป ร้านที่สามารถดูแลความสะอาดของห้องน้ำได้เป็นอย่างดี ลูกค้ามักจะเต็มแน่นร้าน ในทางกลับกันร้านที่ห้องน้ำสกปรกลูกค้าก็จะลดน้อยลง จนเป็นที่มาของคำว่า ห้องน้ำเป็นหน้าตาของร้าน การจุดประกายการสร้างความสุขให้แก่ผู้อื่นโดยที่เราเสนอตัวไปทำงานในสิ่งที่ไม่มีคนอยากทำ นับเป็นการสร้างความสุขให้แก่ผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
7. หลังเลิกงาน จงกลับบ้านทันที
เราจงมองว่าเวลาว่างหลังเลิกงาน เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง ดำเนินชีวิตให้มีจุดหมายปลายทางและความฝัน สตีเฟน คิงเป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนที่ใช้เวลาว่างในการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ดีที่สุด ก่อนหน้าที่เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างทุกวันนี้ เขาได้ใช้เวลาหลังเลิกงานในการผลิตผลงานของตัวเองขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น เวลาว่างในแต่ละวันหมดไปกับการพัฒนาทักษะในการเขียนของตัวเอง เพราะความสำเร็จมักขึ้นอยู่กับการใช้เวลาไปเพื่ออะไร และสามารถสร้างประโยชน์แก่ตัวเองในอนาคตได้แค่ไหนต่างหาก
8. กล่าวชมตนเองอย่างจริงใจ ในทุกๆวัน
เราสร้างความรู้สึกดีให้แก่ตัวเองได้ เพียงแค่มุ่งมั่นและตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พร้อมกับชมตัวเองเบาๆ ว่า “วันนี้เราทำได้ดีมาก ๆ แล้วนะ” การที่เราจะมุ่งมั่นทำสิ่งต่าง ๆ โดยการบังคับตัวเองตลอดเวลา อาจกลายเป็นการกดดันตัวเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เราลองเปลี่ยนตัวเองด้วยการเอ่ยชมทุกวันในสิ่งที่ตนมุ่งมั่นตั้งใจทำในแต่ละครั้งมันจะสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เราทำอยู่ จนทำให้ชีวิตแต่ละวันของเรามันเป็นเรื่องที่สนุก จะสามารถขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
9. ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป
คนเราทุกคนมักอยากทำทุกสิ่งทุกอย่างดังที่ใจต้องการ แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลาทำให้เราไม่สามารถทำมันได้ทั้งหมด การเริ่มต้นทำกิจกรรมใหม่ๆ บางครั้ง อาจเป็นสิ่งรบกวนการ พัฒนาตัวเองไปสู่คนที่ดีกว่าเดิม เราจึงจำเป็นต้องลดหรือเลิกกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออกไป ที่สำคัญเราต้องพิจารณาว่าสิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามานั้น ถ้าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง การที่เรายอมตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปก็นับเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
10. ปรับสิ่งเเวดล้อม ใหพร้อมลงมือทำ
แน่นอนว่าเราไม่สามารถประสบความสำเร็จจากการคิดเพียงอย่างเดียว ถ้าหากเพียงแต่เราแค่คิดและไม่ลงมือทำมันจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย การจินตนาการถึงความสำเร็จของตัวเองเป็นการหลีกหนีการที่จะลงมือทำจริง ๆ ดังนั้นถ้าที่เราอยากได้ผลลัพธ์ จากการที่เราเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างชัดเจน เราต้องทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และต้องลงมือทำอย่างตั้งใจและต่อเนื่องด้วย สิ่งที่สำคัญอันดับแรกคือการปรับสิ่งแวดล้อมของเราให้พร้อมที่จะลงมือทำได้ตลอดเวลา
11. ใส่ใจในภาพลักษณ์
หลายคนมักพูดว่าบุคลิกภาพของคนเราจะเปลี่ยนไปตามเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ ไม่จำเป็นว่าเสื้อผ้านั้นจะมีราคาแพงหรือไม่ เพียงแค่เราสวมใส่เสื้อผ้าที่ความสุภาพ สะอาด เรียบร้อย ก็สามารถสะท้อนตัวตนและจิตใจของเราออกมาได้ เสื้อผ้าไม่ใช่แค่เพียงสิ่งที่สวมใส่เพื่อปกปิดร่างกายเท่านั้น แต่หากเราใส่เสื้อผ้าที่สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่เรา ทั้งการกระทำและคำพูดก็จะมีความมั่นใจตามไปด้วย
12. รู้เเละเข้าใจ เราถนัดเรื่องอะไรบ้าง
บางครั้งคนเราอาจไม่รู้และไม่เข้าใจว่าจริง ๆ สิ่งที่เราถนัดจริง ๆ นั้นคืออะไร ให้เราสามารถลองถามคนที่อยู่รอบข้างเราดูว่า เขาคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เราถนัดและทำมันได้ดี นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เรามองเห็นความถนัดของตัวเองชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเรามองเห็นแล้วว่า สิ่งที่เป็นจุดแข็งของเราคืออะไร เราควรจะพัฒนาต่อยอดมัน จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งนั้น ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเองประสบความสำเร็จในชีวิต
13. รู้เเละเข้าใจ เราไม่ถนัดเรื่องอะไรบ้าง
แน่นอนว่าการรู้ว่าสิ่งที่เราถนัดคืออะไรมันยังไม่พอ ให้เราถามไปอีกว่า สิ่งที่เราไม่ถนัดนั้นมีอะไรบ้าง เมื่อเรารู้จักและพัฒนาจุดแข็งของตัวเองได้ การรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราไม่ถนัดก็เพื่อให้เรารู้จักสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของตัวเราเองนั่นเอง
14. ให้เรานึกถึงความฝัน ว่ามันคือความสนุก
ทุกคนย่อมมีความฝันและการนึกถึงภาพความฝันที่ชัดเจนจะทำให้ความฝันนั้นกลายเป็นความจริง แต่เราต้องไม่พยายามที่จะคิดถึงความฝันในลักษณะบีบคั้นตัวเอง ทุกครั้งที่เราวาดฝันไม่ว่าการคิดหรือการพยายามใด ๆ ก็ตามเราต้องสนุกกับมัน หรือไม่อยากหยุดที่จะทำตามความฝันนั้นให้เป็นจริง ถ้าเราสนุกกับการเดินทางไปหาความฝันแล้ว แน่นอนว่าความฝันนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
15. โชคดีทุกวัน หมั่นพูดบ่อยๆ
ความรับผิดชอบทั้งหมด อยู่ที่ตัวเราเอง หากเราต้องการให้ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสร้างผลลัพธ์นั้นขึ้นมา ความสำเร็จความล้มเหลวเกิดขึ้นจากการกระทำของเรา การมุ่งมั่นเข้าหาเป้าหมาย ถ้าเราล้มเหลว ให้เราคิดว่านั่นคือความโชคดี ที่ทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จอีกขั้นนึงแล้ว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยมากเท่าไหร่ ความสำเร็จของตัวเราเองก็ใกล้เข้ามาด้วยเหมือนกัน
16. ร้องขอให้เป็น เน้นความนอบน้อม
เมื่อเราอยากให้ใครหรือขอร้องให้ใครทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถใช้เงินซื้อหาได้ เราจำเป็นต้องมีวิธีที่จะพูดจา สื่อสาร ท่าทางด้วยความนอบน้อม ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเอ็นดูในตัวเรา มันจะทำให้คุณได้คอนเนคชันที่ดีและเป็นสิ่งที่เงินซื้อหามาไม่ได้เลย
17. วางแผนให้เป็น เน้นผลลัพธ์
การวางแผนและเตรียมการล่วงหน้า เป็นวิธีการหนึ่งที่คนประสบความสำเร็จใช้ เหมือนกับภาษิตของซุนวูที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง การวางแผนและเตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าเป็นตัวกำหนดชัยชนะของเรา และทำให้วันพรุ่งนี้ของเราเต็มไปด้วยโอกาสและความสำเร็จ
18. ทำให้คนใกล้ตัวของคุณมีความสุขก่อน
คนเรามักที่จะละเลยคนที่สำคัญในชีวิตของเรา เราลองปรับเปลี่ยนมุมมองของตัวเองด้วยการทำให้คนที่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้ตัวมีความสุขก่อนเสมอ และให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญของเรา
19. มองหาข้อดีและมีการเอ่ยชม
คนเราส่วนใหญ่มักจะอยากอยู่ใกล้คนที่ทำให้เรามีความภาคภูมิใจ แต่เราเองต้องเอ่ยชมสิ่งที่เป็นความจริงและเป็นข้อดีของคนๆ นั้นจริง ๆ ถ้าเราทำให้คนอื่นภาคภูมิใจในตัวเองได้ เราเองก็จะได้รับแรงใจ แรงสนับสนุนกลับมาและทำให้เราประสบความสำเร็จในวันข้างหน้า
20. เลียนเเบบให้เป็น เน้นความสุขให้ลูกค้า
การเลียนแบบที่นี้ไม่ได้หมายถึงการลอกเลียน แต่หมายถึงดูสิ่งที่สร้างความประสบความสำเร็จมาก่อนแล้ว และนำมาประยุกต์กับตัวเราเอง อย่างเช่นการสำรวจคู่แข่งถึงวิธีการขายสินค้ารู้ถึงจุดเด่นและจุดด้อย และสามารถนำมาปรับใช้ต่อยอดกับตัวเราหรือธุรกิจของเราได้ การเลียนแบบในสิ่งนั้นก็เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าของเรามีความสุขที่สุด
21. มองหางานที่ใช่
คือการสำรวจตัวเองว่างานที่ทำอยู่มันใช่ตัวตนของเราจริง ๆ หรือไม่ ถ้าหากงานนั้นไม่ใช่ จงค้นหางานที่ใช่สำหรับตัวเราเองซึ่งเป็นงานที่เราพร้อมที่อยู่กับมันไปชั่วชีวิต งานที่ทำให้เราประสบความสำเร็จทีสุดก็คืองานที่เราทำแล้วเหมือนกับเรากำลังพักผ่อนอยู่เพราะงานลักษณะนี้แหล่ะจะทำให้เราสามารถแสดงศักยภาพของเราตัวเองได้อย่างเต็มที่ จงหาให้เจอว่างานไหน คืองานที่ใช่สำหรับตัวเราโดยการอาศัยประสบการณ์ที่ผ่านมา และใช้ชีวิตที่เหลือกับมัน
22. การกราบไหว้ ขอพร
คนที่ต้องการที่จะประสบความสำเร็จด้วยความตั้งใจจริง ๆ ไม่ว่าอะไรก็ตามเขาจะลงมือทำมัน มันเป็นการบ่งบอกว่าคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตจริง ๆ ดังนั้นการขอพรเป็นอีกสิ่งที่บ่งบอกถึงความต้องการที่จะประสบความสำเร็จของเราไปพร้อมกับการลงมือทำ ไอน์สไตน์เคยบอกว่า วิทยาศาสตร์ที่ปราศจากศาสนาเปรียบเสมือนคนแขนขาพิการ แต่ถ้าหากศาสนาปราศจากวิทยาศาสตร์แล้วมันก็เปรียบเสมือนคนตาบอด สองสิ่งนี้จึงต้องเดินทางไปพร้อม ๆ กัน
23. ที่ไหนป๊อปปูล่า ให้เรามองหาสาเหตุ
ไม่ว่าที่ไหนก็แล้วแต่ที่มีคนไปจำนวนมากให้เรามองหาสาเหตุว่าทำไมถึงได้รับความนิยมสูง ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่น หรือวิธีการที่ทำให้ลูกค้ามีความสุข ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หวังเพียงเพียงแต่ผลกำไร แต่มองหาสิ่งที่ทำให้ลูกค้าได้รับความสุข เราจงมองหาวิธีการนั้นให้เจอแล้วนำวิธีการดังกล่าวไปปรับใช้กับธุรกิจของเราได้เช่นกัน
24. จดจ่อการให้ สร้างเซอร์ไพร์ส ให้ตลอด
คือการที่เราทำให้คนที่เรารู้จักหรือลูกค้า ได้รับสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ทำให้ลูกค้าคาดไม่ถึงและสร้างความสุขเกินกว่าที่คาดคิดไว้ตั้งแต่แรก แล้วนั่นจะกลายเป็นสาเหตุสำคัญ ของการที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการเราอีกครั้ง หรือเราอาจนำวิธีการดังกล่าวมาปรับใช้กับผู้ที่ทำงานประจำด้วยการทำงานเกินมาตรฐานที่วางไว้ จะทำให้หัวหน้างานไว้วางใจในตัวเรา
25. ตอบตัวเองให้ได้ว่า เสียดายอะไรที่ยังไม่ได้ทำ
คือการที่เราต้องใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องไม่นึกเสียดายในภายหลัง ความคิดนี้จะกลายเป็นแรงจูงใจให้เราทำมันได้สำเร็จ ดังนั้นค้นหาให้เจอว่าอะไร คือสิ่งที่เราเสียดาย ถ้าหากว่าเรายังไม่ได้ทำ แล้วสิ่งนั้นจะเป็นความฝันของคุณ
26. แบ่งปันความฝันให้ผู้อื่นมีความสุข
เมื่อเราเจอแล้วว่าสิ่งที่ตัวเราอยากทำคืออะไร และสิ่งนั้นเป็นความฝันของเรา สิ่งที่เราทำมันจะกลายเป็นภารกิจของเราที่ส่งมอบความสุขให้แก่ลูกค้าหรือสังคม เราสามารถพูดคุยถึงความฝันของเราและสามารถทำให้คนที่ฟังสนับสนุนความฝันและมีส่วนร่วมในความฝันของเราได้ โดยการมองหาจุดร่วมว่างานของเรานั้นจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง
27. ช่วยให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จไปด้วย
การกระทำของเรานั้นเป็นการทำให้คนอื่นประความสำเร็จไปด้วยไม่ว่าใครก็อยากที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จ สิ่งแรกที่ทำคือเราต้องมองให้ออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรที่ทำให้ความฝันของเราและเขาประสบความสำเร็จไปพร้อม ๆ กันและช่วยทำให้คนอื่นมีความสุขไปด้วยกัน
28. ก้าวข้ามคอมฟอร์ทโซน กระโจนสู่ความท้าทาย
คนเรามักจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็ต่อเมื่อเราประสบความทุกข์ การที่เรากล้าที่ออกจากคอมฟอร์ทโซน หรือลองสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยการที่ทำให้โลกรู้จักเรา ให้คนทั่วไปพิสูจน์เราจากความสามารถของเราเอง ก็เป็นอีกวิธีการที่ทำให้เราออกจากคอมฟอร์ทโซนได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาหรือดึงความทุกข์เข้ามา ลองท้าทายความสามารถของเรา แสดงให้โลกเห็นแล้วปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับคุณ
29. ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง
ขอบคุณทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา การที่เราพยายามพิสูจน์ตัวเองแน่นอนว่าเส้นทางที่เราผ่านไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เราต้องไปต่อ ห้ามตัดใจเด็ดขาด จงค้นหาศักยภาพของตัวเองให้เจอ จากนั้นจงขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา สิ่งต่างๆบนโลกนี้ล้วนสร้างให้เราเป็นเรา มันจะทำให้เราพร้อมที่จะมอบและแบ่งปันความสุขกลับไปให้สังคมและคนรอบข้างเราได้
สรุป
จะเห็นว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองนั้น ว่าที่จริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ เพราะคนเรามักมีความยึดติดกับพฤติกรรมเดิมๆ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนิสัยแต่ละอย่างที่เราเคยเป็นนั้น จะต้องมีกระบวนการ ขั้นตอน หรือแนวคิดที่จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้สำเร็จ
แน่นอนว่าแนวคิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเองทั้ง 29 ข้อนี้ ครอบคลุมไปถึงวิธีการคิด การปรับปรุงต่องานหรือธุรกิจที่เราทำด้วย ซึ่งทั้งการพัฒนาตัวเองและธุรกิจของเรานั้น จะเกิดการพัฒนาแบบคู่ขนานกันไป เพื่อความสำเร็จที่ครบมิตินั่นเอง