ในการดำเนินชีวิตของคนๆนึง เชื่อได้เลยว่าต้องผ่านการตัดสินใจนับไม่ถ้วน ทั้งการตัดสินใจเล็กๆ ไปจนถึงการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของชีวิต และส่งผลกระทบให้ชีวิต ดีขึ้น หรือแย่ลง
ปัจจัยตั้งต้นที่เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ของการตัดสินใจในแต่ละครั้งก็คือ คำถามครับ เพราะคำถามที่ถูกต้องจะนำมาซึ่งคำตอบที่ถูกต้อง และคำตอบที่ถูกต้องจะนำมาซึ่งการเลือกที่ถูกต้อง สุดท้ายการเลือกที่ถูกต้องจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ในชีวิตที่คุณต้องการและควรจะได้รับจริงๆ
วันนี้เรามาเรียนรู้คุณภาพของคำถาม 2 คำถาม ที่จะส่งผลผลลัพธ์ปลายทางของชีวิต เเละเป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่ก็ต้องเคยผ่านมาครับ
คำถามแรก เป็นคำถามที่เราได้ยินในวัยเด็กบ่อยๆ นั่นก็คือโตขึ้นอยากเป็นอะไร ?
เป็นคำถามที่เชื่อได้เลยว่าเราก็เคยถามตัวเอง หรือเเม้กระทั่ง พ่อแม่ คนรอบตัวก็เคยถามคำถามนี้กับเรา เเละแต่ละคนก็จะมีคำตอบที่แตกต่างกันไป โดยที่คำตอบส่วนใหญ่มักจะอยู่ในโหมดของอาชีพ เช่น อยากเป็น หมอ ทนาย วิศวกร นักบัญชี เภสัชกร เป็นต้น
ซึ่งหากมองย้อนไปที่เบื้องหลังของคำตอบเหล่านี้เราจะพบว่า การเลือกอาชีพของคนทั่วไปมักจะถูกกำหนดโดยราคาของอาชีพนั้น ๆที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะถ้าหากอาชีพไหนรายได้ดี ทำแล้วน่าจะมีความมั่นคงเราก็มักจะตัดสินใจเลือก และอยากทำ
บางท่านอาจจะรู้สึกขัดแย้งนิด ๆ ว่าไม่จริง (ม้าง) เพราะจริงๆแล้วที่เราเลือกทำก็เพราะเรารักอาชีพนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ แน่นอนว่าความชอบก็เป็นส่วนหนึ่งในการเลือก หากลองพิจารณาเพิ่มเติมดูนะครับว่า ถ้าหากอาชีพที่มีการแข่งขันกันสูง เช่น แพทย์ หรือ วิศวกร ให้เงินเดือน 8,000 บาทต่อเดือน ไม่มีบวกเพิ่มใดๆ เราจะเห็นนักศึกษายังดิ้นรนสอบแข่งขัน แย่งชิงกันเรียนอย่างที่เคยเป็นมาไหม (ตอบด้วยใจเป็นกลางนะครับ)
ผมไม่ได้จะบอกว่าการประกอบอาชีพไหนดีหรือไม่ดีนะครับ ทุกอาชีพมีคุณค่า มีประโยชน์ต่อสังคมเท่าเทียมกันหมด ประเด็นของบทความนี้คือ เรากำลังพูดคุยกันในแง่ของมุมมองต่อผลลัพธ์ที่แต่ละชีวิตควรจะได้ในครั้งนึงที่ได้เกิดมา โดยอาศัยคำถามที่เหมาะสมเป็นตัวชี้นำครับ
คำถามที่สอง ถามว่าโตขึ้นอยากใช้ชีวิตแบบไหน?
คำถามแนวๆนี้ แตกต่างจากคำถามเเรกคือเราอาจจะไม่ได้ยินบ่อยนัก และแน่นอนว่าคำตอบที่จะได้รับ อาจจะไม่ได้อยู่ในโหมดของอาชีพ แต่จะเป็นในแง่ของความสุขซะมากกว่า เช่น อยากใช้เวลาท่องเที่ยวกับครอบครัว อยากทำสวนในเกษตรเล็กๆ แบบไม่ต้องกดดันเรื่องรายได้ อยากไปปฏิบัติธรรม เป็นต้น
และเมื่อมามองย้อนไปที่คำตอบของทั้งสองคำถาม และให้เลือกคำตอบนั้นเป็นผลลัพธ์ของชีวิต คุณคิดว่า คนส่วนใหญ่อยากมีผลลัพธ์ของชีวิตแบบไหน
แน่นอนว่าทุกคนก็ต้องการในสิ่งเดียวกัน นั่นคือความสุข
คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อ ทำงาน หาเงิน ใช้เงิน และก็ จากโลกนี้ไปใช่ไหมครับ
โดยเนื้อแท้แล้วคนเราทุกคนมาจากความว่างเปล่าอิสระ แต่สิ่งที่หลอมรวมและทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อ สิ่งแวดล้อม และกระแสสังคม ที่เราได้รับมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเป็นเราในทุกวันนี้
คำพูดที่เราเคยได้ยินมาในหลายยุคสมัย เช่น ตั้งใจเรียนดีๆ ขยัน ๆ นะลูก จะได้สอบเข้าคณะดีๆ มหาวิทยาลัยดีๆ มีงานดีๆทำ มีความมั่นคง (หากเป็นสมัยก่อนก็จะมีคำว่าเจ้าคนนายคน) เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเชื่อปลูกฝังมายาวนานว่า หากเราทำแบบนี้แล้ว ชีวิตเราจะดี จะได้ชีวิตตามแบบที่เราต้องการและมีความสุข
แต่หากเราตระหนักและตั้งใจเช็คผลลัพธ์จริง ๆ จัง ๆ เราอาจพบว่าคนส่วนใหญ่ที่ตั้งใจเรียนจนจบ สมัครงาน ได้งาน ตั้งใจทำงาน ขยันขันแข็ง ตื่นเช้า กลับดึก และอาจจะทำอย่างนี้มายาวนานร่วมสิบปี แต่ก็ยังไม่ได้รับผลลัพธ์ซึ่งก็คือความสุข และชีวิตที่เลือกได้สักที ดูเหมือนจะดี แต่มันก็รู้สึกขาดอะไรบางอย่าง ไม่มีอิสรภาพที่แท้จริง เราเคยเอะใจกับความรู้สึกแบบนี้ไหม
สิ่งของ เทคโนโลยีบางอย่าง อาจจะใช้ได้ดีในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป สิ่งเหล่านั้นอาจจะใช้ไม่ได้ในปัจจุบันแล้วก็เป็นได้ และยังหมายรวมไปถึงวิธีคิด แนวคิด ที่เราได้รับการปลูกฝังมายาวนานก็เช่นกัน หากเรายังยึดถือในแนวคิดเดิม ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันนี้เเล้ว มันก็อาจจะทำให้เราห่างไกลจากเป้าหมาย หรือผลลัพธ์ปลายทางที่เราควรจะได้ทุกที ๆ
ในวันนี้หากเราไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ยอมเปิดหูเปิดตา เงยหน้ามองไปในอนาคต ยังคงก้มหน้าก้มตา ทำงานอย่างหนักต่อไปด้วยความเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำอยู่สุดท้ายมันจะให้ผลลัพธ์ในชีวิตกับเราได้ นั่นคือความสุข แล้วเราเคยถามตัวเองไหมว่าความสุขนั้นจะมาเมื่อไหร่ อิสรภาพที่เราควรได้รับจะมาตอนไหน แล้วถ้ามันเป็นการทำงานหนักไปทั้งชีวิตโดยที่เราไม่เจอความสุขที่เราตามหาเลยละ เราไม่เสียเวลาในชีวิตไปเปล่า ๆ เหรอ รอถึงวันนั้นมันจะสายไปที่จะเปลี่ยนแปลงไหม
อาชีพก็ส่วนนึง ผลลัพธ์ของชีวิต ก็อีกส่วนนึง
วันนี้เรามีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น ทางเลือกแรก คือ เราจะเอะใจสำรวจชีวิตในปัจจุบันและถามกับตัวเองตรงๆว่าเราโอเคกับชีวิตที่เป็นอยู่หรือเปล่า เราได้รับความสุขในชีวิตรวมทั้งอิสรภาพในการใช้ชีวิตในระดับที่เราพึงพอใจหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือเรายังไม่พอใจ แล้วเราพร้อมที่จะยอมเปิดใจ เปิดหู เปิดตา มองหาเครื่องมือใหม่ ๆ มองหาช่องทางใหม่ ๆ ที่จะพาเราไปสู่จุดหมายที่เราต้องการไหม
เราไม่ได้ทิ้งเครื่องมือเดิม เพราะเครื่องมือเดิมมันไม่ได้ผิดอะไร แต่มันแค่ให้ผลลัพธ์ในชีวิตที่เราต้องการไม่ได้ เปรียบง่าย ๆ เหมือนการที่เราต้องการ รู ลึก ๆ เล็ก ๆ แต่เรามีเครื่องมือคือค้อน ค้อนมันไม่ผิดอะไร แต่มันทำรูไม่ได้ เครื่องมือที่สร้างรูได้มันคือสว่าน เราก็แค่มองหาสว่าน และเรียนรู้การใช้งานมัน เราก็จะได้รู ตามที่เราต้องการแล้ว ซึ่งรูในที่นี้ก็เปรียบเสมือนผลลัพธ์ในชีวิตที่เราต้องการ ก็ในเมื่องานเดิม ๆ มันให้ผลลัพธ์ในชีวิตที่เราต้องการไม่ได้ เราก็แค่เปิดใจมองหาเครื่องมือใหม่ที่มันจะตอบโจทย์ผลลัพธ์ชีวิตที่เราต้องการได้
ส่วนทางเลือกที่สอง คือ ยอมไหลไปกับกระแสความเชื่อของสังคม ไหลตามคนส่วนใหญ่ ว่าไงว่าตามนั้น ซึ่งหากคุณเลือกทางนี้ ในวันนี้ชีวิตอาจจะอยู่ได้ดีไม่มีอะไร แต่ในวันนึงที่ชีวิตเจอวิกฤตขึ้นมา คุณอาจจะเป็นคนนึง ที่ถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง และก็ไม่แน่ว่าการเปลี่ยนแปลงในสภาวะวิกฤตนั้นมันจะทำให้คุณรอดพ้นสถานการณ์เลวร้ายไปได้ เพราะหากรอถึงเวลานั้นมันก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบจวนตัว เปลี่ยนเพราะโดนบีบบังคับให้เปลี่ยน
คุณอาจจะสงสัยว่า เออ แล้วผลลัพธ์ในชีวิตที่พูดถึง เราควรมีอะไรเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของชีวิตที่ทุกคนควรจะได้ ?
แนวทางที่พอให้เป็นตัวชี้วัดเล็กๆ และเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของชีวิตนั่นก็คือ เงิน เวลา สุขภาพ
คุณเคยรู้สึกไหมว่าตั้งแต่เราเกิดมา สามสิ่งนี้มันไม่เคยมาพร้อมกันเลย ( จริงไหมครับ? ) ตอนเด็ก เราไม่มีเงิน แต่มีเวลา มีสุขภาพดี พอโตขึ้นมาเรียนจบ เริ่มทำงาน เรามีเงิน แต่เวลาเราหายไป สุขภาพเราอาจจะยังดีอยู่ และพอเราเริ่มแก่ตัว เงินเรามี เวลาเรามี แต่สุขภาพเราเริ่มหายไป
นี่ยังไม่รวมจังหวะเวลาที่สวนทางกับคนที่เรารักด้วยนะ เช่น ตอนเด็กเรามีเวลา แต่พ่อแม่เราท่านต้องทำงานอาจมีเวลาให้เราน้อย พอเราโตขึ้นเข้าวัยทำงาน พ่อแม่เราเริ่มชรา ท่านมีเวลา แต่เรากลับไม่มีเวลาให้ท่าน
หากเราสำรวจตัวเองแล้วพบว่า ชีวิตเรามันเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ โจทย์ต่อไปก็คือ ทำอย่างไร ที่จะทำให้ชีวิตของเรา มันสมดุล เรื่อง เงิน เวลา สุขภาพได้ มีเครื่องมืออะไรไหมที่จะทำให้เราสามารถสร้างระบบอะไรขึ้นมาสักอย่าง แล้วระบบที่ว่านั้นสามารถผลิตเงินออกมาให้กับเราได้แม้กระทั่งเราหลับ และเป็นจำนวนเงินที่มากพอที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐานในแต่ละเดือน โดยที่เราไม่ต้องออกไปดิ้นรนหาเพิ่มด้วยจำเป็นต้องทำ (แต่เราสามารถเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้) มีเวลาเหลือเฟือที่จะออกไปทำในสิ่งที่เรารัก เช่น ท่องเที่ยว ปฏิบัติธรรม กิจกรรมผจญภัย อยู่กับคนที่เรารัก เป็นต้น รวมทั้ง มีเวลาใส่ใจดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ สุขภาพดีตั้งแต่ภายใน มีภูมิป้องกันก่อนเกิดโรค ผลเลือดทุกอย่างเป็นปกติ (ชี้วัดได้)
เพราะการค้นหาเครื่องมือที่จะตอบโจทย์ผลลัพธ์ของชีวิตที่ต้องการได้นั้นเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก เมื่อเจอแล้วเราก็ใช้เครื่องมือนั้นในการสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพในการผลิตรายได้ให้กับเราขึ้นมา เมื่อสร้างเสร็จแล้วเราก็สามารถออกไปใช้ชีวิตแบบไร้กังวลในแบบฉบับของตัวเองได้ ซึ่งเราสามารถเรียกกระบวนการนี้ได้ว่า การค้นหา สร้าง และใช้
คำถามต่อมาคือ วันนี้เราเริ่มมองหาเครื่องมือที่ว่านั้นหรือยัง ?