Passive income มีอะไรบ้าง สร้างได้อย่างไร และควรมีเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ

Passive Income  คือ รายได้ที่มาจากทรัพย์สิน และรายได้นั้นจะยังคงอยู่ตราบใดที่ทรัพย์สินนั้นยังทำประโยชน์ได้  โดยการที่เราจะมีรายได้จากทรัพย์สินได้นั้น จุดเริ่มต้นก็ต้องเริ่มจากการที่เรามีทรัพย์สิน หรือสร้างทรัพย์สินนั้น ๆ ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็นำทรัพย์สินดังกล่าวไปสร้างรายได้

การมีรายได้ที่เป็น Passive Income ทำให้เราไม่ต้องทำงานตลอดเวลา และลดความกังวลในชีวิตลงได้ แม้ว่าปัจจุบันเรายังมีอาชีพเป็นมนุษย์เงินเดือน เช่น ทำงานประจำเป็นพนักงานบริษัท  หรือทำธุรกิจส่วนตัว พูดง่าย ๆ ว่าเรายังมีรายได้ฝั่งที่เป็น Active Income อยู่ แต่เราสามารถวางแผนเพื่อที่จะหยุดพักในระยะยาว โดยการค่อย ๆ สร้างรายได้ที่เป็น Passive Income จนมากพอและครอบคลุมค่าใช้จ่ายประจำ จนรายได้จากแหล่งทรัพย์สินนี้สามารถทดแทนรายได้ที่เราต้องลงแรง ลงเวลา (Active Income) ได้ในที่สุด

Passive Income มีอะไรบ้าง

  1. บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน

ตัวอย่างของรายได้ที่เกิดจากช่องทางนี้ เช่น ค่าเช่า กรณีเราเป็นเจ้าของบ้าน คอนโด รถยนต์ และเปิดบริการให้คนมาเช่า เงินที่ได้รับจากผู้ที่มาเช่า ก็ถือได้ว่าเป็น Passive income รูปแบบหนึ่ง

  1. เงินฝาก สลากออมทรัพย์ พันธบัตร หุ้นกู้

รายได้ที่ได้รับจากทรัพย์สินกลุ่มนี้ จะมาในรูปแบบของ ดอกเบี้ย โดยที่จุดเริ่มต้นของการได้มาซึ่งดอกเบี้ยคือ การที่เราเป็นเจ้าของเงิน และเราเอาเงินก้อนนี้ไปฝากธนาคาร หรือ ซื้อสลากออมทรัพย์ ซื้อพันธบัตร หรือ หุ้นกู้ จากสถาบันการเงิน จากนั้นธนาคารหรือสถาบันการเงินก็จะเอาเงินของเราไปปล่อยกู้ หรือลงทุนต่อ และธนาคารหรือสถาบันการเงิน ก็จะจ่ายเงินกลับมาให้เราในรูปแบบของดอกเบี้ย

การสร้าง Passive Income ที่มาจากดอกเบี้ย ถือได้ว่าใกล้ตัวที่สุด หากแต่ว่าผลตอบแทนที่ได้รับนั้นอาจจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายประจำเดือน ในกรณีที่เราต้องการนำรายได้จากช่องทางนี้มาใช้จ่ายประจำ หรือไม่ก็ต้องใช้เงินต้นจำนวนมาก เพื่อที่จะให้ได้ดอกเบี้ยมากพอต่อความต้องการ

ค่าเช่าบ้าน

  1. เงินปันผล

เงินปันผลมีแหล่งที่มาได้จากการที่เราไปซื้อหุ้นปันผล หรือกองทุนรวมที่มีการจ่ายปันผล ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินตามสัดส่วนที่เราครอบครอง เมื่อบริษัทหรือกองทุนรวมที่เรานำเงินไปลงทุน สามารถทำกำไรได้ เขาก็จะจ่ายเงินให้กับเราในรูปแบบของเงินปันผล

เงินปันผลอาจจะได้มาจากการนำเงินไปร่วมหุ้น ลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อน เมื่อธุรกิจทำกำไรได้ ก็จะมีการตัดปันผลจ่ายมาให้เราตอนสิ้นปี หรือตามที่ตกลงกัน ถือเป็นส่วนแบ่งของหุ้นส่วนในกิจการ

  1. ค่าลิขสิทธิ์

คือ ค่าตอบแทนในการให้ใช้ผลงาน เป็นการแปลงผลงานที่เราสร้างเอาไว้ ให้กลายมาเป็นตัวสิทธิ์หรือทรัพย์สินที่จะสร้างกระแสเงินสดให้กับเรา เช่น การเป็นเจ้าของงานเพลง คนเขียนหนังสือ หรือ รูปถ่ายที่เอาไปวางขายบนออนไลน์ เป็นต้น รายได้ที่ได้รับจากช่องทางเหล่านี้ถือว่าเป็นรายได้จากลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่เราสร้างเอาไว้

อีกรูปแบบหนึ่งของค่าลิขสิทธิ์ที่พบเจอกันมากในยุคปัจจุบันนี้ เช่น การเป็นเจ้าของช่อง YouTube หรือ Facebook ที่มีผู้ติดตามมาก หรือ วิดีโอที่เราลงไปในช่องทาง Social Media ต่างๆ มีคนเข้ามารับชมจำนวนมาก เราก็สามารถมีรายได้จากการเก็บเงินค่าโฆษณา ซึ่งถือว่าเป็นรายได้จากลิขสิทธิ์ที่เราได้สร้างเอาไว้ในรูปแบบของผลงานวิดีโอ

เราจะสร้าง Passive Income ได้อย่างไร ?

หลักการในการสร้าง Passive Income คือ การที่เราสามารถแปลงงานที่เราทำให้เป็นทรัพย์สิน หรือพูดง่าย ๆ คือ ให้เราทำให้งานที่เราทำ 1 ครั้ง สามารถที่จะใช้ประโยชน์ได้มากกว่า 1 ครั้ง

  • ตัวอย่างที่ 1

ครูสอนคณิตศาสตร์ เปิดติวเด็กนักเรียนเข้ามาหาวิทยาลัย โดยสอนแบบเจอตัวนักเรียน ก็จะได้รับรายได้ตามจำนวนครั้งที่ได้สอน แต่หากครูสอนคณิตศาสตร์คนเดียวกัน อัดวิดีโอการสอนเอาไว้ แล้วนำไปทำเป็นคอร์สออนไลน์ เช่นใน เฟสบุ๊คกลุ่มปิด หรือ เเพลตฟอร์มที่รองรับการสร้างคอร์สออนไลน์ เช่น Teachable เป็นต้น เพื่อให้นักเรียนหลาย ๆ คนเข้ามาเรียนได้ โดยมีการชำระเงินก่อนเข้าเรียน ถือว่า ครูคณิตศาสตร์คนนี้ได้แปลงงานที่ทำ 1 ครั้ง ให้สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่า 1 ครั้ง และรายได้ที่ได้รับจากการที่นักเรียนมาเรียนคอร์สออนไลน์ ถือว่าเป็นรายได้ในรูปแบบ Passive Income

โอกาสสร้างช่องทางรายได้เพิ่ม

ด้วยธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์

ดูรายละเอียด

ตอนทำมีรายได้ | หยุดทำมีรายได้  | ส่งต่อเป็นมรดกได้

 

  • ตัวอย่างที่ 2

ช่างภาพคนหนึ่งรับถ่ายรูปงานแต่งงาน หรืองานรับปริญญา ซึ่ง เป็นภาพเหล่านั้นก็คงเป็นที่ต้องการของคนเพียงกลุ่มเดียว นั่นคือคนที่เป็นเจ้าของงานหรือมีรูปในนั้น แต่หากช่างภาพคนเดียวกัน ถ่ายรูปสวยงามทั่วไป เช่น รูปธรรมชาติ ภาพสถานที่ต่างๆ ที่คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้ โดยที่ช่างภาพคนนี้ นำผลงานที่เขาถ่ายไปลงไว้ในเวบไซต์ขายรูปถ่าย เช่น shutterstock, pixabay เป็นต้น จากนั้นเมื่อมีลูกค้ามาค้นหารูปและทำการซื้อรูปเหล่านี้ไป ช่างภาพคนนี้ก็จะมีรายได้เป็นส่วนแบ่งจากการขายรูปถ่าย ที่เกิดจากการถ่ายภาพครั้งเดียว แต่นำมาทำให้ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า 1 ครั้ง

หลักการมองงานที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน และแปลงให้งานนั้นๆ สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่า 1 ครั้ง เพื่อสร้างเป็นทรัพย์สินที่สามารถผลิตกระแสเงินสดให้กับเราได้ เป็นหลักการที่เราสามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างรายได้ในปัจจุบันได้เลยครับ ลองมองหาดูว่าปัจจุบันงานที่เราทำหรือเกี่ยวข้องอยู่ สามารถเปลี่ยนให้สร้างรายได้ที่เป็น Passive Income ได้อย่างไรบ้าง ?

หุ้นปันผล

Passive Income มีเท่าไหร่ถึงจะพอ ?

ให้เราลองจินตนาการดูนะครับว่า หากเรามีรายได้จากทรัพย์สิน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ค่าลิขสิทธิ์ ฯลฯ รวมกันแล้ว มากกว่า ค่าใช้จ่ายรวมประจำในแต่ละเดือน เราจะรู้สึกอย่างไร ?

แน่นอนว่าหลายคนคงตอบว่า สบายใจ เริ่มไร้ความกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ถึงแม้ว่าวันนั้นเราอาจจะยังมีรายได้ที่เป็น Active Income เช่น งานประจำ หรือยังทำธุรกิจอยู่ ก็ถือว่าเราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น มีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น มีอิสระทางความคิดมากขึ้น เพราะเราได้ปลดล็อกความวิตกทางการเงิน ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในชีวิตไปได้แล้ว

ดังนั้น เป้าหมายแรกของการสร้าง Passive Income คือ ให้เราสร้างรายได้จากทรัพย์สิน รวมกันทุกช่องทางแล้วมากกว่า ค่าใช้จ่ายรวมต่อเดือน เป็นหลักหมุดแรกที่เราควรจะไปให้ถึงครับ

เช่น หากทุกวันนี้เรามีค่าใช้จ่ายรวม 50,000 บาทต่อเดือน เราก็ควรตั้งเป้าสร้างรายได้จากทรัพย์สิน ให้ได้มากกว่า 50,000 บาท เป็นเป้าหมายแรกที่ปลายทางไว้ก่อน จากนั้นก็เริ่มมองหาวิธีที่จะสร้างแหล่งรายได้จากทรัพย์สิน ตามช่องทางต่างๆที่ได้แนะนำไปช่วงต้นของบทความครับ

ความเข้าใจผิด เกี่ยวกับ Passive Income มีอะไรบ้าง

  • Passive Income เป็นเรื่องง่าย

คำกล่าวนี้เป็นจริงแค่บางส่วน เช่น กรณีที่เราฝากเงินหรือซื้อพันธบัตร เพื่อรับดอกเบี้ย อาจจะไม่ถือว่ายากมากนัก แต่กรณีที่เราต้องการสร้างรายได้จากทรัพย์สิน ด้วยการ สร้างธุรกิจ ทำอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เราคงต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมและใช้ประสบการณ์พอสมควรในการที่จะประสบความสำเร็จ

การสร้างทรัพย์สินเพื่อก่อให้เกิดรายได้นั้น ไม่ง่ายมากถึงกับว่าไม่ต้องทำอะไรก็ได้รายได้ แต่ก็ไม่ยากถึงกับว่าคนที่ตั้งใจ ศึกษาเรียนรู้แล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ

  • การมี Passive Income ทำให้สบาย ไม่ต้องทำอะไรตลอดชีวิต

ทุกกิจกรรมของการสร้างรายได้จากทรัพย์สิน จำเป็นต้องมีการติดตาม ประเมินผล และตัดสินใจ ตลอด แต่อาจจะไม่ต้องทำบ่อย หรือทำตลอดเวลาเหมือนการทำงานประจำ เช่น หาก เรามีหุ้นปันผล เราก็ต้องคอยติดตามผลประกอบการของบริษัทที่เราลงทุนไป หรือ เราเป็นเจ้าของคอนโดให้เช่า เราก็ต้องคอยบริหารจัดการเวลาผู้เช่าย้ายออก หรือ งานซ่อมบำรุงต่างๆ เป็นต้น

  • Passive Income ดีกว่า Active Income

เราคงไม่ไปตัดสินว่าอะไรดีกว่าอะไร งานที่สร้างรายได้ในรูปแบบ Active Income หลายงาน สร้างคุณค่าทางจิตใจ เป็นสิ่งที่เราหลงใหล ชอบ หรือ มีความสุขที่ได้ทำ หรือแม้กระทั่งในทุกวันนี้เรายังมีรายได้จากการเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือธุรกิจส่วนตัวอยู่ และเป็นงานที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคม เราก็ทำต่อไป หากแต่เราก็แค่มองหาแหล่งรายได้จากทรัพย์สินเพิ่มเติม เพื่อเป็นล้ออะไหล่ บันไดหนีไฟ ให้กับชีวิต และรองรับชีวิตในยามที่เกิดวิกฤติ เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน

อิสรภาพทางการเงิน

สรุป

การสร้าง Passive Income ให้มากกว่ารายจ่ายรวมในแต่ละเดือน ควรเป็นเป้าหมายแรกในการเริ่มต้นมองหาและสร้างทรัพย์สิน เพราะ ณ จุด ๆ นี้ เป็นจุดที่จะทำให้เราเริ่มต้นมีอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง หากแต่เราต้องพึงระวังการใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ ด้วย เพราะหากเรามีนิสัยใช้เงินมือเติบ และไม่รู้จักเก็บออม ซึ่งเป็นพื้นฐานการเงินที่สำคัญของทุกชีวิต เราก็อาจจะเหนื่อยฟรีกับการพยายามสร้าง Passive Income เพราะรายจ่ายรวมของเรามันเพิ่มขึ้นในทุกเดือน และไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น โจทย์สำคัญของชีวิตคือการมีรายจ่ายที่สมเหตุผลในการดำรงชีวิต  รู้จักประหยัด มัธยัสถ์ พร้อมๆกับการสร้างช่องทางรายได้จากทรัพย์สินไปด้วย จะทำให้เรามีชีวิตที่มีความมั่นคง และประสบความสำเร็จทางการเงินในที่สุดครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *