เก็บเงินอย่างไร ให้มีเงินออมเพิ่มขึ้น รวมแนวทางการสร้างนิสัยที่ดีต่อเงินในกระเป๋า

วิธีประหยัดเงิน

“เงินออม” ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างหลักฐานให้มั่นคง แต่กระนั้นหลายท่านยังคงประสบปัญหามีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ไม่มีเงินเก็บหรือเก็บเงินไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้  เรียนรู้เกร็ดเล็กๆน้อยๆ ที่จะมาช่วยให้ท่านได้ค้นหารูรั่วของค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันรวมถึงวิธีประหยัดเงินเพื่อให้มีเงินเหลือเก็บเพิ่มขึ้น ตามความเหมาะสมกับสถานะการดำรงชีวิตของท่านเพื่ออนาคตทางการเงินที่สดใสกว่าเดิม

1. แยกความต้องการกับความจำเป็น

ตั้งคำถามทุกครั้งก่อนที่จะควักเงินในกระเป๋าเพื่อที่จะซื้ออะไรก็ตามว่า สิ่งนี้เราจำเป็นต้องมีหรือไม่ หากไม่มีจะเป็นอะไรไหม หรือมีสิ่งอื่นที่เรามีอยู่แล้วทดแทนหรือไม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก หากเราถามคำถามนี้กับตัวเองทุกครั้งจะเป็นการฝึกนิสัยแยกแยะสิ่งที่จำเป็นกับสิ่งที่ต้องการออกจากกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อนิสัยการใช้จ่ายและเงินออมของเราแบบประเมินค่าไม่ได้

2. ทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย

การทำบัญชีรับ-จ่าย ถือได้ว่าเป็นหมัดเด็ดหมัดเดียวที่สำคัญในการควบคุมค่าใช้จ่าย เราทำเพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวและภาพรวมของการจับจ่ายในแต่ละวัน แต่ละเดือนของเรา เราจะสามารถควบคุมพฤติกรรมการจับจ่ายในทุกๆด้านของเราได้จากตรงนี้ รับรองว่าหากใครทำได้จะมีเงินออมตามมาแน่นอน

3. ตั้งงบประมาณต่อวัน

การลิสต์รายการออกมาว่าในแต่ละวันเรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เช่นค่าอาหาร 200 บาท ค่ายานพาหนะ 100 บาท เป็นต้น แล้วเราก็ทำการตั้งเป็นงบประมาณขึ้นมาว่าในแต่ละวันเราจะใช้จ่ายไม่เกินนี้ จะเป็นอีกวิธีในการควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละวันของเราไม่ให้บานปลาย

4. จดก่อนซื้อ และซื้อเฉพาะที่จด

หากเราไม่จดรายการที่จะซื้อก่อนเดินทางไปห้างสรรพสินค้า พอไปถึงโอกาสที่จะมีรายการซื้อใหม่ๆงอกขึ้นมามีสูงเพราะในห้างสรรพสินค้าจะเต็มไปด้วยป้ายโฆษณากระตุ้นต่อมจ่าย แต่หากเราจดรายการซื้อไปจะช่วยให้เราซื้อของอย่างมีสติมากขึ้น

5. รอซื้อสินค้า ตอนตกรุ่น

สินค้ารุ่นใหม่ๆที่ออกมามักจะบวกค่าการตลาดไปในตัว และโดยปกติจะมีราคาสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า ขณะที่ฟังก์ชันการใช้งานอาจจะไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นการซื้อสินค้าตกรุ่นโดยคำนึงถึงประโยชน์การใช้สอยเป็นหลัก จะสามารถช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้ไม่น้อยเลย

6. หาแหล่งซื้อของมือสอง คุณภาพดี

สินค้ามือสอง ของแท้ และคุณภาพดี ในเมืองไทยสามารถหาได้ทั่วไป และที่สำคัญราคาจะถูกกว่าสินค้ามือหนึ่งค่อนข้างมาก ดังนั้นการมองหาแหล่งสินค้ามือสองที่คุณภาพดี และเชื่อถือได้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

7. ลด ละ เลิก ใช้ของแบรนด์เนม

ข้อนี้ไม่บังคับ เอาเป็นว่าหยวนๆ เพราะเห็นใจหลายๆคนที่ชื่นชอบและเป็นสาวกแบรนด์ในดวงใจจริงๆ แต่เราก็หลีกหนีความจริงข้อนึงไม่ได้ว่า การเลือกซื้อสินค้าโดยมองไปที่ประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักจะทำให้สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้มากกว่าการเลือกซื้อเฉพาะแบรนด์ดังๆ เหมือนที่เราเคยได้ยินว่า นาฬิกายี่ห้ออะไรก็ได้หากมันเดินตรงและไม่ทำให้เราผิดนัดนั่นก็ถือว่ามันทำหน้าที่นาฬิกาได้สมบูรณ์และคุ้มค่าแล้ว

8. อย่าพกเงินสด เกินความจำเป็น

การพกเงินในกระเป๋าจำนวนมากเกินความจำเป็นจะเป็นที่มาของภาวะ “ใจใหญ่” ลองสังเกตุตัวเองดูครับ กรณีที่เรายังมีเงินสดเต็มกระเป๋า หลายๆท่านจะรู้สึกโดยอัตโนมัติว่า “เรายังซื้อได้อีก” ซึ่งเป็นที่มาของการเผลอจับจ่ายเกินความจำเป็น

9. อย่าตัดสินใจซื้อ เพราะมีของแถม

ของแถม ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค แต่ถ้าหันมามองความจริงที่ผ่านมา น้อยมากที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากของแถมที่ได้มา บางทีก็เผลอซื้อโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสินค้าหลักเราจำเป็นต้องซื้อหรือเปล่า ซื้อมาแล้วสนนราคาอาจแพงกว่าปกติด้วยซ้ำ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตรงนี้ให้มองไปที่ประโยชน์ใช้สอยของสินค้าหลักมากกว่าของแถมก่อนตัดสินใจซื้อทุกๆครั้ง

10. อย่าเกรงใจพนักงานขาย

ข้อนี้ไม่ได้ให้ไปเหวี่ยงใส่เขานะ แต่ให้เข้าใจว่า พนักงานขายเขามีหน้าที่ขาย ซึ่งก็จะมีวิธีพูดกระตุ้นให้เราอยากซื้อให้ลักษณะต่างๆ หลายๆท่านใจอ่อน หรือตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะเกรงใจ หรือเห็นใจพนักงานขาย มารู้ตัวอีกทีก็มีสินค้าที่ไม่จำเป็นอยู่ในมือแล้ว

11. ใช้บ่อยๆ ซื้อครั้งละมากๆ

สินค้าที่ใช้ประจำ และต้องใช้แน่ๆ เช่น สบู่เหลว นำ้ยาซักผ้า นำ้ยาปรับผ้านุ่ม หากเรามั่นใจว่าจะไม่เปลี่ยนยี่ห้อก็แนะนำให้ซื้อยกแพ็คครั้งละมากๆ จะช่วยประหยัดเงินกว่าการซื้อแยก อีกทั้งประหยัดค่าเดินทางไปซื้อหลายๆครั้งในระยะยาวอีกด้วย

12. เลือกซื้อของมีคุณภาพดี

หากไม่สามารถหาซื้อ “ของดี ราคาถูก” ได้ ก็ขอให้หา “ของดี ราคาแพงขึ้นมาอีกหน่อย” ดีกว่าที่จะไปซื้อ “ของไม่ดี ราคาถูก” แต่เอามาใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็ต้องซื้อใหม่

13. คิดใคร่ครวญ 2-3 วันก่อนตัดสินใจ

อาจจะใช้คำว่า “คิดสักนิดก่อนตัดสินใจ” ก็ได้ การให้เวลาใคร่ครวญถึงประโยชน์ใช้สอย ความจำเป็นที่จะต้องซื้อ แบบไม่รีบร้อน จะทำให้เรามีสติและมองเห็นความจำเป็นกับความต้องการได้ชัดเจน หลายครั้งที่หากเราได้ให้เวลาใคร่ครวญ ทบทวนก่อนซื้อ เราอาจจะไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องซื้อเลยก็ได้ ซึ่งก็จะทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้อีก หรืออีกทางเราอาจจะเห็นว่าสิ่งนี้จำเป็นต้องซื้อจริงๆ ซึ่งหากซื้อมาแล้วก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่ากับการที่ควักกระเป๋าจ่าย

14. อย่าตามกระเเสหรือแฟชั่น

เทรนด์สมัยนี้มาเร็วไปเร็วมาก การตามเทรนด์หรือแฟชั่นนั้น ไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่หากการซื้อของตามเทรนด์ไปเรื่อยๆแล้วมันเดือดร้อนกระเป๋าเงินเราก็ไม่ควรไปตาม ทางที่ดีควรหาสไตล์ที่ลงตัว ดูดี ดูนาน ในแบบตัวเอง แล้วสร้างรูปแบบการแต่งตัวที่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมา

15. ท่องเที่ยวสวนทางกับฤดูกาล

ฤดูท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ อย่างที่เรารู้จักจะมีช่วง High Season และ ช่วง Low Season โดยช่วง High จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะ ที่พัก ข้าวของ จะมีราคาแพงกว่าปกติ หากเราลองเปลี่ยนบรรยากาศ วางแผนไปท่องเที่ยวช่วง Low Season ได้ ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่อปีไปได้พอสมควร

16. รอบคอบกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างๆ

ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน การชำระค่าสินค้า ตามช่องทางต่างๆ ดูเหมือนจะไม่มาก แต่ถ้าหากรวมๆกันหลายๆธุรกรรมทั้งปี ก็จะเป็นจำนวนไม่น้อย ดังนั้นการวางแผนทำธุรกรรมการเงิน เพื่อให้มีการชำระค่าธรรมเนียมให้น้อยที่สุด เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเพราะเงินที่เสียไปในส่วนนี้สามารถโยกไปลงในช่องเงินออมของเราได้

17. วางแผนเดินทางล่วงหน้า

การที่เรารุ้ว่าจะต้องมีการเดินทางไปไหนบ้างภายในปีนั้น และมีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าหลายๆเดือน จะทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกช่องทางหนึ่ง เช่น ได้รับส่วนลดการจองตั๋วเครื่องบิน รถทัวร์ หรือค่าที่พัก อีกทั้งยังมีเวลาในการเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่คุ้มค่าที่สุดอีกด้วย

ออมเงิน

18. มองหาเครดิตจากเงินคืนในบัตรเครดิต

อันที่จริงไม่อยากแนะนำให้ใช้บัตรเครดิต แต่ในกรณีที่ท่านมีอยู่แล้วและใช้แบบมีวินัย จ่ายเต็ม จ่ายตรง มาตลอด ก็ควรมาพิจารณารายจ่ายประจำที่สามารถจ่ายผ่านบัตรและได้เครดิตเป็นเงินคืน เช่น หากบัตรเครดิตที่ท่านถืออยู่มีเครดิตเงินคืนกรณีรูดค่าน้ำมัน ก็ควรจะใช้สิทธฺ์พิเศษนั้น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐาน มีวินัย จ่ายเต็ม จ่ายตรง ห้ามพลาด นะครับ

19. ใช้รถสวัสดิการหรือสาธารณะ

สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวอาจเปลี่ยนบรรยากาศมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะบ้างเป็นครั้งคราว หรือหากที่ทำงานมีรถพนักงานบริการก็อาจจะยอมตื่นแต่เช้าหน่อยเพื่อให้มาทันรถพนักงาน หากท่านทำเป็นนิสัยจะช่วยประหยัดค่ายานพาหนะต่อเดือนลงได้อีกมาก

20. ระวังการสั่งอาหารตอนหิว

เวลาหิวจัดๆ เมนูอะไรก็จะดูน่าทานไปหมด หลายครั้งที่สั่งมาก็ทานไม่หมดหรือไม่ก็อิ่มจนเกินไป ดังนั้นก่อนสั่งอาหารทุกครั้งเวลาหิวให้ตั้งสติดีๆ เป็นไปได้ควรสั่งมาทานสัก 1-2 อย่างก่อน จากนั้นค่อยสั่งเพิ่มทีหลังก็ได้

21. ทำอาหารกลางวันทานเอง

อาหารกลางวันของผู้คนวัยทำงานสมัยนี้ ไม่เหมือนสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว หมดยุคที่เราจะมาทานข้าวราดแกงสองอย่างยี่สิบ ส่วนมากก็ สี่สิบบาทขึ้นไป (ไม่รวมน้ำดื่ม) ยิ่งหากสถานที่ทำงานอยู่ในย่านออฟฟิสใจกลางเมืองแล้วไม่ต้องพูดถึง

ดังนั้นวิธีการนำอาหารกลางวันทำเองมาจากบ้าน ยังเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ นอกจากจะเป็นการฝึกฝีมือการทำอาหารทานเองแล้ว ยังสามารถควบคุมรายการอาหารและค่าใช้จ่ายโดยรวมตามต้องการได้อีกด้วย ยิ่งหากสามารถรวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่ทำงานทำคนละอย่างสองอย่างมาแบ่งกันทานได้ ก็จะยิ่งเป็นการสร้างสัมพันธ์ในที่ทำงานอีกทางหนึ่ง

22. จัดระเบียบข้างของในที่พักอาศัย

หลายครั้งเรามักซื้อของที่เรามีอยู่แล้วแต่หาไม่เจอ ดังนั้นการจัดข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและมองเห็นว่าอะไรอยู่ตรงไหนจะทำให้เราไม่เผลอไปซื้อของที่เรามีอยู่แล้วแต่เราลืมไปว่าเรามี

23. เก็บของเก่าๆ ไปขาย

ในหนึ่งปีเราควรมีการโละของเก่าๆที่ไม่ใช้ไปบริจาค หรือไม่ก็นำไปขายต่อ อาจดูเป็นรายได้ที่ไม่มากมายอะไรแต่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเพิ่มเงินออมได้จากสิ่งที่มีอยู่และไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย

24. หัดซ่อมเเซมของใช้ด้วยตัวเอง

งานซ่อมแซมบางอย่างที่สามารถทำเองได้ หรือไม่เกินความสามารถก็ควรเรียนรู้วิธีลงมือทำเอง แทนการจ้างช่าง เช่นการเปลี่ยนหลอดไฟ การเปลี่ยนฝักบัว การล้างแอร์เบื้องต้น เป็นต้น นอกจากจะภูมิใจที่ได้ทำเองเเล้วยังประหยัดค่าซ่อมแซมไปได้อีกมาก (แต่ในกรณีที่เกินความสามารถก็ต้องเรียกช่างมานะครับ)

25. ไม่ต้องเข้าฟิตเนส

การสมัครสมาชิกฟิตเนสชั้นนำแต่ละที่โดยเฉลี่ยแล้วจะมีรายจ่ายขั้นต่ำอยู่ประมาณ 50 บาทต่อวัน ซึ่งหากเราสามารถออกกำลังกายได้ด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ในฟิตเนส ก็จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไปได้อีกหลักหมื่นต่อปี

26. รองน้ำอาบ ไว้ถูพื้นหรือรดน้ำต้นไม้

หากบ้านใดมีต้นไม้ค่อนข้างมาก การนำวิธีนี้ไปใช้สลับกับการรดน้ำต้นไม้จากก็อกน้ำโดยตรงก็จะช่วยประหยัดค่าน้ำไปได้อีกมาก ไหนๆน้ำที่อาบก็จะต้องทิ้งแล้วก็เอามาให้ต้นไม้ก่อน ก็จะได้ประโยชน์สองต่อ

27. ซักผ้าด้วยมือ

การซักผ้าด้วยเครื่องต้องเสียทั้งค่าน้ำและค่าไฟ อีกทั้งใช้เวลานานกว่า ดังนั้นหากปริมาณผ้าไม่มากนักและสามารถซักด้วยมือได้ก็ควรซักด้วยมือแทนเครื่อง

28. จัดระเบียบส่วนลด ใบปลิว

ใบปลิว ส่วนลดต่างๆที่เราได้รับมาเวลาเดินห้างสรรพสินค้าควรนำมาเก็บรวบรวมและจัดระเบียบไว้ แล้วนำมาพิจารณาประกอบการลิสต์รายการซื้อแต่ละครั้งของเรา เพื่อดูว่ามีรายการอะไรที่สามารถซื้อแบบมีส่วนลดได้ ก็จะทำให้เราประหยัดเงินได้อีก

29. หากใช้ประจำให้จ่ายรายปี

บริการอะไรที่เราต้องใช้เป็นประจำและแน่นอน เช่น ค่าที่จอดรถ ควรชำระค่าบริการเป็นรายปีครั้งเดียว โดยมากแล้วจะประหยัดค่าบริการไปได้มากกว่าจ่ายรายครั้งหรือรายเดือน

30. พกน้ำขวด

น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตและสุขภาพ แต่ในยุคนี้ราคาน้ำดื่มต่อลิตรก็ไม่ได้ถูกไปกว่าน้ำมันเลย ดังนั้นการพกขวดน้ำดื่มเองและคอยเติมเป็นระยะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำขวดแต่ละครั้งได้ อีกทั้งยังสามารถควบคุมปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวันได้อีกด้วย

31. ชงกาแฟดื่มเอง

สำหรับท่านที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ข้อนี้ไม่ได้ห้ามไม่ให้ซื้อหรือเลิกทานกาแฟตามร้านดังๆ แต่อาจมองการชงกาแฟด้วยตัวเองเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ตามแต่โอกาสจะอำนวย หรือท่านอาจทานกาแฟออฟฟิส (ถ้ามี) หากทำได้สม่ำเสมอก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต่อปีลงได้

32. ปลูกผักทานเอง

การปลูกผักทานเองสามารถควบคุมได้ทั้งสารเคมี ปุ๋ย น้ำ อีกทั้งเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งช่วยให้ผ่อนคลายจากงานประจำ และเป็นกิจกรรมที่หลายๆท่านคงเคยทำสมัยเด็กๆ (วิชาเกษตร) แต่อาจลืมไปแล้ว การลองหันมาปลูกเองอีกครั้ง ก็เป็นการย้อนอดีตเสริมคุณค่าทางจิตใจอีกทาง สมัยนี้ตามคอนโดก็สามารถปลูกได้ครับ

33. เดินห้างสรรพสินค้า ต้องยับยั้งใจ

การเดินห้างสรรพสินค้า หากไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ มีโอกาสกระเป๋าฉีกแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นแม้ว่าจะมีการวางแผนการซื้อไปแล้ว การรู้จักยับยั้งชั่งใจเวลาเจอป้ายเซลล์ก็เป็นแบบฝึกหัดวัดใจชั้นดีว่าเราจริงจังแค่ไหนกับการควบคุมค่าใช้จ่ายของตัวเอง

34. ยกเลิกเสียงรอสายที่ต้องเสียเงิน

อันนี้เรื่องจริง แม้จะถือว่าเอาไว้ให้คนที่โทรเข้ามาฟัง แต่สมัยนี้อาจจะต้องทบทวนแล้วเพราะแอฟพลิเคชั่นต่างๆเช่น ไลน์ หรือแมสเซนเจอร์ ทำให้ความจำเป็นในการโทรลดลงทุกที ถ้ามีเวลาก็น่ามาทบทวนดูว่าเราควรจะจ่ายค่าบริการส่วนนี้อยู่หรือไม่

35. จัดระเบียบสัมภาระในรถ

รถส่วนตัวไม่ใช่ห้องเก็บของ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันขึ้นตรงกับน้ำหนักบรรทุก ยิ่งนักยิ่งเปลือง แถมวิ่งได้อืดด้วย ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะคอยตรวจสอบว่ามีสิ่งของอะไรที่ทำให้รถเราหนักเกินความพอดีหรือเปล่า

36. วางแผนทุกครั้งก่อนออกเดินทางด้วย Google Map

ของดี และฟรีก็นี่แหละ ลองใช้เพื่อสำรวจสถานการณ์และเส้นทางรถติดก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อช่วยประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมัน

37. ตั้งฟังก์ชั่นเตือนค่าน้ำมัน

ปกติแอฟของปั๊มน้ำมันต่างๆจะมีการตั้งค่าเตือนค่าน้ำมันขึ้นลงล่วงหน้าหนึ่งวันอยู่แล้ว ดังนั้นการเปิดฟังก์ชันก์นี้ไว้ ก็จะช่วยให้ประเมินได้ว่าวันนี้เราควรเติมน้ำมัน หรือควรรอเติมพรุ่งนี้ดี รวมๆทั้งปีก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยที่ประหยัดไปได้

38. ทบทวนโปรโมชั่นมือถือ

บางคนใช้โปรโมชั่นที่ได้มาเมื่อสิบปีที่แล้วโดยไม่ได้เปลี่ยนหรือสำรวจเลยว่าปัจจุบันมีโปรโมชั่นใหม่ๆที่เหมาะและคุ้มค่ากับการใช้งานในวันนี้มากกว่า ดังนั้นควรมีการทบทวนโปรโมชั่นที่ใช้บ้างเพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายในแต่ละเดือน

สรุป

จะเห็นได้ว่าแนวทางการประหยัดเงิน เพื่อให้มีเงินออมเหลือเก็บเพิ่มขึ้นในเเต่ละเดือนนั้นมีหลากหลายวิธีด้วยกัน เราสามารถเลือกเอาวิธีที่เห็นว่า นำไปปฏิบัติใช้ได้เเละเหมาะสมกับการดำเนินชีวิต ก็จะทำให้เรามีสติในการใช้จ่าย และสามารถเพิ่มปริมาณเงินออมในแต่ละเดือนของเราได้ และนั่นจะทำให้สภาพคล่องทางการเงินของเรามากขึ้นเเละเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการต่อยอดทางการเงินในด้านอื่นๆต่อไปครับ

 

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *