ผู้นำในแต่ละองค์กร หรือพนักงานระดับหัวหน้างานถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ เพราะถือว่าเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย หากแต่หลายท่านก็อาจจะยังสงสัยอยู่ว่าตัวเองเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้างานหรือไม่ หรือเเม้กระทั่งท่านที่กำลังอยู่ในฐานะของผู้นำ หรือกำลังก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้างาน ก็อาจมีคำถามว่า แล้วการที่จะเป็นหัวหน้างานที่ดีได้นั้นควรมีลักษณะอย่างไร
บทความนี้เป็นการรวม 47 คุณสมบัติของหัวหน้าที่ลูกน้องรัก เอาไว้เป็นเช็คลิสต์ ตวจสอบว่าการเป็นหัวหน้างานที่ดีควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
อ้างอิง : 51 วิธีคิดของหัวหน้าที่ลูกน้องอยากทำงานด้วย, เขียนโดย อิวะตะ มัตสึโอะ อดีต CEO Starbucks Coffee Japan, แปลโดย ภานุพันธ์ ปัญญาใจ, จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์วีเลิร์น
1. คุมตัวเองให้ได้ ก่อนคุมผู้อื่น
หากไม่สามารถคุมตัวเองได้ ก็ยากที่จะไปควบคุมผู้อื่นได้
2. ทำงานด้วยกัน ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว
อำนาจบารมีที่แท้จริงเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจ แก้ไขปัญหากับลูกน้อง
3. ตำแหน่งสูง คือรับผิดชอบสูง
ตำแหน่งมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูง แต่หลายคนหลงผิดคิดว่าอำนาจสูง
4. สูงก็ก้ม ต่ำก็น้อม
ให้ความเสมอภาคเท่าเทียมกับทุกคน ไม่ว่าตำแหน่งสูงหรือต่ำกว่า
5. เข้มแข็ง ทุกสถานการณ์
เมื่อเจอสถานการณ์เลวร้าย ต้องมีความหนักแน่นในจุดยืน และแสดงความเชื่อมั่นออกมาว่าจะต้องผ่านมันไปได้
6. ในสายตาลูกน้อง มองมาที่คุณเสมอ
ทุกพฤติกรรมของหัวหน้าคือการสื่อสารกับลูกน้อง
7. รู้และเข้าใจ จุดไหนเพิ่มมูลค่างาน
รู้ว่างานไหนสำคัญ และสร้างมูลค่าเพิ่ม งานอะไรควรทำก่อนหลัง
8. รับฟังเป็น ถามความเห็นเสมอ
ถ้าลูกน้อง เออ ออ กับคุณทุกเรื่องโดยไม่แสดงความเห็นใดๆออกมาให้พึงระวังให้ดี
9. สื่อสารเป็น เน้นผู้ฟัง
สื่อสารกับลูกน้องด้วยภาษาคน เน้นความเข้าใจง่ายๆ ไม่ต้องใช้ศัพท์ทางวิชาการมาก
10. กล่าวชมได้ ให้กำลังใจกันบ้าง
กำลังใจ เป็นเหมือนพลังงานสำคัญที่ทำให้คนในทีมพร้อมสู้ต่อ
11. ไม่สร้างภาพเกินไป ใส่ใจตัวตนที่แท้จริง
แม้จะเป็นหัวหน้า แต่ก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง อย่าแส้งว่าตัวเองรู้ไปทุกเรื่อง ให้ยอมรับในจุดด้อยของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาและพร้อมปรับปรุง
12. เขียนให้เป็น เน้นสิ่งสำคัญ
หากจำเป็นต้องเขียน ให้ใช้ภาษาที่สุภาพและแสดงถึงความรู้สึกออกมาผ่านปลายปากกา(หรือพิมพ์)ให้ได้
13. ตำหนิ (ด่า) ลูกน้องได้ แต่อย่าให้เสียความรู้สึก
การตำหนิควรยึดจุดประสงค์ของงานเป็นสำคัญ และควรใช้ถ้อยคำในเชิง ติเพื่อก่อ
14. ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ให้รับฟังด้วยเหตุผล
ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ให้รับฟังด้วยเหตุผล
15. หัวหน้า = หัวโขน
ออกมาจากที่ทำงาน ก็คือคนธรรมดาๆคนหนึ่ง พยายามคิดเเละรีเซทตัวเองให้ได้แบบนี้ทุกวัน เพื่อลดอัตตาสะสม
16. ตระหนักถึง ความเท่าเทียมของทีม
ประธานบริษัท ผู้บริหาร ผู้จัดการ หัวหน้าฝ่าย พนักงานรายวัน เป็นเพียงตำแหน่งหนึ่งของทีม ให้ตระหนักว่าทุกคนเท่าเทียมกันเพียงแต่อยู่คนละบทบาท
17. ยืดอกรับ เมื่อทำพลาด
สปิริตต้องมี ยอมรับได้ทุกทีเมื่อทำผิด
18.ใส่ใจหน้างาน ไม่ใช่ประจำการอยู่แต่ออฟฟิส
หน้างานคือจุดกำเนิดมูลค่าเพิ่ม การลงพื้นที่ทำให้เข้าใจปัญหาที่แท้จริง
19.ไม่มีตำแหน่ง ในวงเหล้า
การเลี้ยงสังสรรค์ควรอยู่ในโหมดส่วนตัว ไม่ควรใช้เป็นข้ออ้างในการสร้างความสัมพันธ์
20. สั่งงานเป็น เน้นเหตุผลที่ต้องทำ
การสั่งงานทุกครั้งควรให้รายละเอียดเละเหตุผลด้วย เช่น ทำไปเพื่ออะไร ด่วนแค่ไหน สำคัญอย่างไร เป็นต้น
21.ไม่ทำตัวเป็น นกสองหัว
ไม่เป็นคนสองบุคลิก เปลี่ยนไปมาโดยเฉพาะกับคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า
22. ผลลัพธ์สำคัญ แต่กระบวนการสำคัญกว่า
เป้าหมายหรือผลลัพธ์เป็นเรื่องที่ต้องโฟกัส แต่บางทีก็มีตัวแปรที่นอกเหนือการควบคุมเช่น เศรษฐกิจ ค่าเงิน ดังนั้นตอนประเมินผลงาน ควรมองไปที่กระบวนการว่า ลูกน้องทำเต็มที่แล้วหรือยัง
23. ลูกน้องนิสัยดี มีราคาสูง
มองเห็นคุณค่าของคุณธรรมมากกว่าทักษะ หากลูกน้องไม่เก่งแต่นิสัยดี หน้าที่ของหัวหน้าคือต้องฝึกเขาขึ้นมาให้ได้
24. เปิดใจ พูดคุย
เปิดใจกล้าบอกกับลูกน้องที่อาจจะมีประสบการณ์มากกว่า ว่าเรายินดีที่จะเรียนรู้
25. รอบคอบดีกว่า รวดเร็ว
การตัดสินใจทุกครั้งให้เน้นไปที่ความรอบคอบมากกว่าความรวดเร็ว ตัดสินใจเร็วแต่ผิดไม่มีประโยชน์
26. แยกข้อเท็จจริง ออกจากความเห็น
การรายงานของลูกน้องมักเจือปนด้วยความเห็นส่วนตัว พยายามถามให้ชัดเจนว่าอะไรคือข้อเท็จจริงอะไรคือความเห็น
27. กล้าทำ สิ่งท้าทาย
หากมีโครงการใหม่ๆ และพิจารณาแล้วว่าถ้าสำเร็จองค์กรจะได้ประโยชน์ ก็ให้ทำออกมาเลย อย่างน้อยก็เป็นการเรียนรู้
28. บอกลูกน้องเสมอ ว่าเราทำได้
เป็นการนำด้วยคำพูด สร้างความเชื่อมั่น สร้างขวัญกำลังใจ
29. ฝึกลูกน้องให้ตัดสินใจ ด้วยการซักไซ้หาเหตุผล
เข้มงวดเเละละเอียดกับการตรวจงานลูกน้อง ไม่ได้เป็นการมุ่งจับผิด แต่เพื่อสอนงานและผลักดันให้เขาเก่งขึ้น
30. ไม่หลบหนี ไม่ขี้ขลาด
ต้องกล้าเผชิญหน้ากับผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า โดยเฉพาะกรณีที่เกิดความผิดพลาดจากการตัดสินใจของเรา หรือเพื่อการขอเหตุผลบางอย่างกรณีโครงการที่เสนอไปไม่ผ่านการพิจารณา
31. ทำตัวเป็น แบบอย่าง
แบบอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน
32. บริหารเวลาเป็น เน้นผลลัพธ์
จัดการเวลาเป็น เน้นการเรียงลำดับความสำคัญ
33. มีเวลาว่างทบทวน และบันทึกผลลัพธ์
ทบทวนเป้าหมาย ความคืบหน้าของงานอย่างสม่ำเสมอ
34. จัดเวลาพักผ่อน นอนตรงเวลา
การนอนหลับ เป็นการชาร์จพลังงานสมองและร่างกาย เพื่อเตรียมพร้อมในการลุยงานในวันใหม่ได้ดีที่สุด
35. พูดว่า “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ให้ติดปาก
เป็นการแสดงออกว่า คุณพร้อมรับฟังปัญหาจากลูกน้องในทุกๆเรื่อง
36. หาวิธีจัดการอีเมล์ ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ลดเวลาการอ่านและเขียน อีเมล์ลงให้เหลือน้อยที่สุด
37. เมื่ออารมณ์ไม่ดี ให้มีวิธีจัดการ
ทุกครั้งที่มีอารมณ์ ให้มีสตินำไตร่ตรองด้วยเหตุผล
38. ตั้งเป้าหมายใหญ่ มองตัวเองเป็นเจ้าของ
มองทุกเนื้องานด้วยสายตาของความเป็นเจ้าของหรือประธานบริษัท จะทำให้มุมมองในการแก้ปัญหาของคุณเปิดกว้างขึ้น
39. มองเห็นจุดด้อย คอยพัฒนาตัวเอง
40. เป็นคุณคนเดียวในทุกสถานการณ์
ปฎิบัติต่อทุกคนในทุกสถานการณ์ด้วยความเท่าเทียม และเป็นตัวของตัวเอง
41. หยุดนินทา อย่าบ้าน้ำลาย
ไม่ร่วมวงนินทา ไม่บ้าน้ำลายพูดโอ้อวด หากผลงานเราดีจริงให้ผลลัพธ์มันตะโกนออกไปแทน
42. เข้าใจคนอื่นให้ได้ ให้อภัยให้เป็น
43. ความยากของงาน คือการทดสอบ
เข้าใจว่าทุกประสบการณ์ไม่มีคำว่า สูญเปล่า
44. มุ่งมั่นพัฒนาลูกน้อง มองข้ามความเห็นแก่ตัว
45. ยึดมั่นในเป้าหมาย เเม้เดียวดายในบางเวลา
46. ขอบคุณได้ ทักทายเป็น
47. เดินหน้าต่อไป ท่ามกลางความเหนื่อยยาก
ทุกการทำงานย่อมมีอุปสรรค ให้รู้จักผ่อนคลายและมองไปถึงวันที่คุณก้าวผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ ซึ่งการที่จะทำได้คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าสุดท้ายต้องผ่านมันไปได้แน่นอน