ผัดวันประกันพรุ่ง โรคร้ายที่ทำลายความสำเร็จ เรียนรู้สาเหตุและวิธีแก้ไขให้หายขาด

ผัดวันประกันพรุ่ง

คงต้องยอมรับกันว่า นิสัยผัดวันประกันพรุ่งนั้น เป็นนิสัยที่คอยฉุดรั้งคนเราไม่ให้พัฒนาก้าวหน้าในสิ่งที่เราต้องการจะให้เป็นไป แม้ว่าเราจะมีความตั้งใจดี มีเป้าหมายยิ่งใหญ่ แต่การลงมือทำเพื่อนำตัวเองไปสู่เป้าหมายนั้นมีความสำคัญมากกว่า และถ้าหากเรายังมีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง มัวแต่ครุ่นคิด จดจ่อ แต่ไม่ได้เริ่มลงมือ หรือทำแบบครึ่งๆกลางๆ ก็ถือว่ายากที่จะมีโอกาสประสบความสเร็จ

บทความนี้จะเป็นการรวบรวม 24 วิธีคิด และปฎิบัติเพื่อช่วยให้คุณก้าวผ่านนิสัยผัดวันประกันพรุ่งไปได้ครับ

อ้างอิง : เทคนิคเปลี่ยนคุณให้เป็นคนไม่ผัดวันประกันพรุ่งและลงมือทำทันที : ซะซะกิ โซโกะ, สำนักพิมพ์ WE LEARN

1. ซุปเปอร์แมนไม่มีจริง

คนเราส่วนใหญ่มักจะนึกถึงวันพรุ่งนี้เสมอ เพราะเรามักมีความเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้ เราจะเป็นคนที่เก่ง และมีความสามารถมากกว่าวันนี้ เราจะดีกว่าเมื่อวาน แต่ในความเป็นจริงความสามารถของเราในวันพรุ่งนี้กับวันนี้นั้นแทบจะไม่มีความแตกต่างกัน และการที่เราคิดอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ มันเป็นการเริ่มนิสัยผัดวันประกันพรุ่งของตัวเอง หากเราต้องการเปลี่ยนนิสัยที่ว่านี้ วิธีแก้ง่ายๆ คือเราต้องเตรียมตัวเองให้มีความพร้อมที่จะเริ่มลงมือทำตลอดเวลา

2. เช้านี้ดีที่สุด

คนเราส่วนใหญ่อีกเช่นกัน เวลาที่มีความต้องการที่จะทำอะไรสักอย่างขึ้นมาแต่ไม่ยอมทำสักที ส่วนใหญ่เกิดมาจากการที่เรามองว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญน้อยหรือไม่จำเป็นที่ต้องลงมือทำในตอนนี้ ตัวอย่างเช่นความตั้งใจที่จะลดน้ำหนัก หรือตั้งใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้แก้ไขโดยเลิกผัดผ่อนหรือจัดเรียงความสำคัญของงาน เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน รวมทั้งลิสต์รายการสิ่งที่ต้องทำและเริ่มลงมือทำทันที โดยเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าของวันแทน

3. กำจัดความสบาย

การที่เราต้องเริ่มบางสิ่งอย่างจริงจังแล้ว อย่ามัวแต่ยึดติดกับความสบายที่เกิดขึ้น ณ ขณะปัจจุบัน จนกลายเป็นว่าเราไม่สามารถลงมือทำในสิ่งที่เราต้องการได้สักที วิธีการง่ายๆ ที่เราจะแก้ไขนิสัยยึดติดความสบาย นั่นก็คือการกำจัดความสบายทิ้งไปก่อน แล้วจึงค่อยเริ่มลงมือทำในสิ่งที่เราต้องทำจริง ๆ เช่นเราอยากจะลงมือทำงานบางชิ้น หากแต่ในเวลานั้นเรากำลังเอนหลังดูซีรี่ย์เกาหลีอยู่ สิ่งแรกที่ต้องทำไม่ใช่เริ่มทำงานแต่ให้กำจัดความสบายก่อนนั่นคือเอื้อมมือไปปิดซีรี่ย์ให้ได้เป็นอันดับแรก

4. ข้อมูลดี มีความน่าเชื่อถือ

เรามักจะสนใจสิ่งได้เป็นไปได้น้อย แต่กลับละเลยสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้หรือมีโอกาสที่เป็นไปได้สูง การละเลยไม่เตรียมตัวลงมือทำในสิ่งที่มีโอกาสสูงและทำได้ง่ายกว่าจะทำให้สุดท้ายปัญหามันเข้ามาวิ่งเล่นในชีวิตเรา การแก้ไขเรื่องต่างๆเหล่านี้ในภายหลังมักไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยนัก สิ่งที่ควรทำคือการเตรียมตัวเสียแต่เนิ่น ๆ วิเคราะห์และหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มองเห็นปัญหาที่ควรจะเป็น แล้วเราจะสามารถป้องกันรวมทั้งสามารถรับมือหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง

5. การทำนายอนาคต

คนเรามักจะละเลยสิ่งที่เราควรทำ เพราะตอนนี้ยังมองไม่เห็นประโยชน์ของมัน เช่น การทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่จริง ๆ แล้วสิ่งนี้มีสำคัญต่อสถานะการเงินของตนในอนาคตเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้ไว้ว่า จงอย่าเอาปัจจุบันมาชี้นำอนาคต แต่มองให้ออกถึงสิ่งที่เราต้องการในหนทางข้างหน้า และเริ่มทำมันตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อไปให้ถึงปลายทางที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้

6. แยกย่อยซอยงานเล็ก ๆ

โดยปกติหลักการทำงานในสมองของคนมักจะคิดแบบรวบยอดและสรุปงานทั้งหมด แต่นั่นจะทำให้เราละเลยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป วิธีการแก้ง่ายๆ คือการแจกแจงรายละเอียดและขั้นตอนของงานที่เราตั้งใจจะทำให้เป็นขั้นตอนย่อยๆให้สามารถลงมือทำมันได้ทันที วิธีการนี้ถ้าเราทำให้ติดเป็นนิสัย จะทำให้เราเลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่งได้

7. เป้าหมายใหญ่ไกลเกินลงมือ

การมีเป้าหมายและความหวังเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่ยังไงก็แล้วแต่จงอย่าละเลยกระบวนการหรือขั้นตอนการลงมือเพราะจะทำให้ความฝันนั้นยังคงความฝันอยู่วันยังค่ำ วิธีง่ายๆ ในการไปให้ถึงปลายทางคือลงรายละเอียดในส่วนขั้นตอนและกระบวนการ จากนั้นก็แค่ลงมือทำตามขั้นตอนดังกล่าว เหมือนการก้าวบันไดไปทีละขั้น แต่แน่นอนว่าปลายทางความฝันนั้นอยู่ไม่ไกล

8. สร้างกับดักลงมือ

คือการสร้างสถานการณ์ให้เราเริ่มลงมือทำ เป็นการเตรียมการ เตรียมอุปกรณ์ให้เราพบเจอหรือสังเกตเห็นได้ เพื่อสร้างแรงฮึดให้เราลงมือทำ เช่น เราตั้งใจที่จะตื่นไปวิ่งในตอนเช้า ก็ให้เราเตรียมชุดวิ่งไว้ตั้งแต่ช่วงกลางคืน วางไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่ายๆ เทคนิคนี้จะทำให้เราลงมือทำในสิ่งที่ต้องการโดยเริ่มต้นได้ง่าย และได้ผลลัพธ์คือความสำเร็จที่อยู่ไม่ไกล

9. เคลียร์ข้าวของ

การมีสิ่งของมากมายเป็นการเพิ่มตัวเลือกในงานที่เราต้องทำ จนเราไม่รู้ว่าควรทำสิ่งไหนก่อนหรือหลังดี แก้ปัญหานี้ได้ง่าย ๆ โดยการเอาสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไปให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งวิธีนี้เป็นการลดการทำงานของสมองก็คือการเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจะทำให้เราสามารถได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเราได้จริง ๆ

10. มองไปที่จำนวน

หากมีสองสิ่งให้คุณต้องเลือกระหว่าง “ความสำเร็จ” และ “จำนวนที่เราต้องลงมือทำ” ให้เราโฟกัสไปที่จำนวนก่อน ตัวอย่างเช่น คุณต้องการสร้างบล็อกที่มีผู้ติดตามหลักแสน หากคุณมัวแต่ครุ่นคิดว่าเมื่อไหร่จะมีผู้ติดตามมากขนาดนั้น(ความสำเร็จ) ก็รังแต่จะสร้างความกดดัน ทุกข์ใจ ให้ปรับเป้าใหม่โดยมองไปที่จำนวนบทความที่จะลงในบล็อก อาจจะตั้งเป้าว่าจะเขียนบทความลงบล็อกให้ครบ 500 บทความแล้วก็ตั้งใจทำให้ครบ เมื่อถึงวันที่คุณมีบทความ 100 บทความแล้ว วันนั้นคุณก็อาจเดินผ่านความสำเร็จที่ต้องการมาแล้วก็ได้ เพราะการมองแค่ผลสำเร็จเพียงอย่างเดียวอาจเป็นการบีบคั้นจนเรากดดันตัวเองได้ แต่กลับกันแล้วการที่เราเน้นที่ปริมาณในการทำงานและมองมันเป็นเรื่องสนุกทุกครั้งที่เราได้ลงมือทำมันมันเป็นการเพิ่มโอกาสให้เราวิ่งเข้าเส้นชัยแห่งความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น

ลงมือทำทันที

11. เพิ่มมูลค่า มองหาแรงจูงใจ

วิธีนี้เป็นการมอบ “รางวัลให้ตัวเอง” ถือว่าเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เราในการลงมือทำบางสิ่งบางอย่างให้ประสบความสำเร็จด้วยการมอบของขวัญให้ตัวเองเมื่อทำงานเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีมูลค่าหรือมีคุณค่าทางใจก็ได้แต่ต้องมากพอที่จะขับเคลื่อนแรงจูงใจให้สามารถลงมือทำงานต่อไปได้

12. การจัดเรียงลำดับความสำคัญ

การเรียงลำดับความสำคัญของงานถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการทำงาน การที่เราต้องรู้ว่างานที่เราทำนั้น งานชิ้นไหนสามารถสร้างผลลัพธ์ให้เราได้มากที่สุด วิธีการคือเตรียมกระดาษปากกาให้เพร้อมแล้วเขียนเช็คลิสต์งานตามลำดับความสำคัญ และจงลงมือทำมันตามขั้นตอนนั้น โดยเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าเ พราะเป็นช่วงเวลาที่สมองมีประสิทธิภาพมากที่สุด

13. การทำตามขั้นตอน ถอดถอนแรงกระตุ้น

คนเรามักรอ Passion หรือแรงบันดาลใจก่อน ถึงจะลงมือทำได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งทำให้ความสำเร็จของเรามาถึงช้าลงไปเรื่อย ๆ วิธีการแก้ง่ายๆ คือให้เราชำแหละทุกสิ่งที่เราต้องทำอย่างละเอียดทีละขั้นตอน มันจะทำให้เรามองสิ่งเห็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ของเป้าหมายรู้ว่าสิ่งที่เราต้องทำมีอะไรบ้าง แล้วเราก็จะสามารถเรียงลำดับความสำคัญของงาน ทำตามขั้นตอน และลงมือทำมันได้ทันที โดยไม่ต้องรอแรงกระตุ้นจากภายใน

14. บิดเล็กน้อย ค่อยๆ เปลี่ยน

ถ้าใครต้องการที่เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเองควรเริ่มต้นด้วยการปรับหรือบิดพฤติกรรมของตนไปทีละเล็กทีละน้อยมากกว่าการเปลี่ยนนิสัยตัวเองแบบปุบปับ เพราะยิ่งจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็น“ความล้มเหลว” แทน แต่ว่าการที่เราค่อย ๆ บิดพฤติกรรมทีละเล็กทีนะน้อยนั้นจะเป็นการปรับนิสัยเดิม เปลี่ยนนิสัยใหม่ ทำให้เราเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม

15. ประกาศออกไป ใช้สายตาผู้อื่น

คนเรามักอยากได้รับการยอมรับจากรู้อื่นเสมอ ให้เราประกาศบอกใครสักคนถึงสิ่งที่เราทำหรือสิ่งที่เราต้องการจะทำจริง ๆ ใช้สายคนอื่นจับจ้องและรอคอยผลลัพธ์ที่เราทำ ให้มันเป็นแรงกระตุ้นให้เราสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างต่อเนื่องและไปสู่ความสำเร็จได้รวดเร็วขึ้นจนได้รับการยอมรับในฝีมือและผลงานของเรา

16. ทำไปทำไม ในตอนเริ่มต้น

การเริ่มต้นลงมือทำบางสิ่งบางอย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นอย่างที่ฝันไว้ ให้เรามองมุมกลับ ปรับมุมมองย้อนกลับไปคิดสักนิดว่าในจุดเริ่มต้นที่เราทำสิ่งนี้ขึ้นมา เหตุผลนั้นมันคืออะไร และใช้แรงจูงใจในตอนเริ่มต้นนี่แหล่ะ เป็นแรงฮึดให้มีความพยายามทำมันต่อไป สร้างแรงใจให้ตัวเองเพื่อลงมือทำไห้สำเร็จ

17. ต่อยอด

คือการศึกษาวิธีการที่เคยสำเร็จมาก่อน แล้วมาปรับใช้หรือต่อยอดให้มันเป็นความสำเร็จในรูปแบบของตัวเอง เป็นทางลัดง่ายๆ แบบไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่หรือนับตั้งแต่จุดเริ่มต้น แต่เราสามารถนับสามได้ทันที ปรับเปลี่ยนวิธีการที่เคยทำสำเร็จมาก่อนนั้นให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่คุณต้องการและเป็นการต่อยอดที่จะทำให้คุณไปสู่ผลสำเร็จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

18. เตรียมพร้อมก่อนเริ่มงาน มองข้ามผ่านความสมบูรณ์แบบ

ลองเปรียบชีวิตเราเหมือนเครื่องบินก่อนจะทยานขึ้นไปบนฟ้า มันต้องมีการเตรียมตัวบินขึ้นไป ชีวิตเราเองก็ต้องเตรียมตัวก่อนเช่นเดียวกัน การเตรียมตัวให้เราอยู่ในสถาพที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอจะทำให้เราสามารถเริ่มต้นลงมือทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ข้อนี้อาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการจัดเตรียมอุปกรณ์ที่สนับสนุนให้การลงมือทำของเราไม่ติดขัดในระหว่างกระบวนการ เช่น หากเราจะทำงานเขียนบทความ ก็ให้เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ให้พร้อม เช่น กระดาษ ปากกา สมุดจด คอมพิวเตอร์ เป็นต้น เพื่อไม่ให้การทำงานของเราสะดุดระหว่างทาง

19. ประเมินเวลา สร้างแผนงาน

คือการสร้างตารางเวลา และระบุช่วงเวลาสิ่งที่เราต้องการจะทำงานให้ชัดเจน วิธีนี้เป็นวิธีการที่แข็งแกร่งที่สุดในการเริ่มต้นลงมือทำงาน เพียงแค่ต้องระบุช่วงเวลาให้เหมาะสม ชัดเจนและเริ่มทำตามแผนการที่ระบุไว้ เพียงแค่นี้เราจะก้าวข้ามผ่านการผัดวันประกันพรุ่ง และแผนงานที่วางไว้ก็ประสบความสำเร็จ

20. สร้างสิ่งแวดล้อม ป้องกันการกลับลำ

เบื่อไหมเวลาที่เรายากทำอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่ได้ทำเพราะมีบางสิ่งบางอย่างมาเบี่ยงเบนความสนใจของเรา วิธีการแก้ไขง่ายๆ คือเอาสิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจของเราออกไป การเอาสิ่งที่ทำให้เราเสียสมาธิในการทำงานออกจะทำให้เราจดจ่อกับงานที่ทำได้มากขึ้นและยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเราได้

นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง

21. ตัดสินใจ ทำไปทีละอย่าง

แม้ว่าเราจะลิสต์รายการที่อยากทำขึ้นมาหลายรายการ แต่ว่าเวลาที่มีมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ให้เราเลือกรายการที่จำเป็นที่ต้องทำก่อนและทำไปทีละเรื่อง จดจ่อกับการทำงานที่เราเลือกให้สำเร็จเสียก่อน ตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่า ถ้างานชิ้นนี้ไม่เสร็จจะไม่ทำงานชิ้นต่อไป หลังจากทำเสร็จแล้วแล้วจึงค่อยทำงานชิ้นต่อไปในลำดับถัดมา ก็จะทำให้เราเลิกเป็นคนผัดวันประกันพรุ่งเสียที

22. วางแผนงานให้พอดี ตีเส้นตายให้ตัวเอง

การวางแผนงานให้พอดีและเหมาะสมกับความสามารถของตัวเอง จะทำให้เรารู้ว่าทักษะที่เรามีอยู่ควรใช้เวลาเท่าไหร่สำหรับการทำงานหนึ่งชิ้น รวมถึงมีเดดไลน์ให้ตัวเองตามทักษะและความสามารถที่มีจะทำให้เรามองภาพรวมของงานออกและใช้เวลาได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถลงมือทำได้ทันทีและลดการผัดวันประกันพรุ่งของตัวเองได้

23. รู้สึกดี ทุกทีที่ได้ลงมือ

การเปลี่ยนให้เรากลายเป็นคนที่ลงมือทำงานได้ทันที คือการที่เรารู้สึกยินดีที่ได้ทำงานชิ้นนั้น ให้จำความรู้สึกดีๆแบบนี้เอาไว้ เพราะความรู้สึกยินดีนี่แหละ จะทำให้เราอยากที่จะกลับมาทำสิ่งนี้อีกครั้ง และสามารถลงมือทำงานได้ในทันที

24. บันทึกความล้มเหลว

ในเมื่อแก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่งของตัวเองไม่ได้ ให้เราเขียนความล้มเหลวของเราเอาไว้ การบันทึก จะทำให้เรามีสติ รู้ตัว และสำนึกได้ สตินี่แหล่ะจะทำให้เรากลับมาทำในสิ่งที่เรายังไม่ได้ทำ และลงมือทำให้สำเร็จในที่สุด

สรุป

จะเห็นว่านิสัยผัดวันประกันพรุ่งนั้น สามารถแก้ไขและมีเทคนิคดีๆมากมายที่จะทำให้เราเป็นคนลงมือทำทันทีได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะตัดสินใจทำทุกอย่างที่อยากทำได้ในทันทีทันใด เพราะทุกคนก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลา เรื่องที่ไม่สำคัญบางอย่างก็จำเป็นต้องผัดออกไปก่อนได้ ดังนั้นการจัดลำดับความสำคัญและลงมือทำในสิ่งที่สร้างผลกระทบกับตัวเรามากที่สุดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เเละเมื่อเรารู้เเล้วว่ากิจกรรมใดที่สำคัญกับชีวิตเราจริงๆ เราจะไม่ผัดวันประกันพรุ่งกับกิจกรรมนั้นๆ จะทำให้ระยะทางระหว่างตัวเรากับความสำเร็จใกล้กันมากที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *