โรคภูมิแพ้ คือ โรคที่ผู้ป่วยมีอาการ คัน บวม แดง น้ำมูกไหล คันตา คัดจมูก เป็นต้น ซึ่งเป็นลักษณะอาการคล้าย ๆกับโรคหวัด ดังนั้นวิธีการที่จะวินิจฉัยและระบุได้ว่าเป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่นั้น จำเป็นต้องมีการตรวจหาสารที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการแพ้ โดยเป็นโรคที่สามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
กลุ่มของโรคภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ
จะเรียก ตามอาการที่แสดงออกที่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ดังต่อไปนี้
- โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ทางจมูก หรือ โรคภูมิแพ้ฝุ่น
- โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ ลมพิษ
- โรคภูมิแพ้ทางตา เช่น เยื่อบุตาอักเสบจากสารที่ก่อโรคภูมิแพ้
- โรคภูมิแพ้อย่างรุนแรงหลายระบบพร้อมกัน
สัดส่วนการพบเจอโรคภูมิแพ้
- โรคภูมิแพ้ทางจมูก เช่น เยื่อบุจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) พบมากที่สุดในเด็ก 40% และผู้ใหญ่ 20%
- โรคหอบหืด (Asthma) พบมากเป็นอันดับสอง ประมาณ 10-15%
- โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (Allergic Dermatitis) พบประมาณ 9%
- อาการแพ้ยา พบประมาณ 7-10%
- อาการแพ้อย่างรุนแรง พบประมาณ 2-5%
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้
- ขนาดครอบครัว เช่น ความแออัดในครอบครัว จำนวนบุตร เป็นต้น
- มลพิษในอากาศ
- สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินอาหาร
- การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ
สาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้
- พันธุกรรม ได้แก่ ความผิดปกติของยีนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีสาเหตุโดยตรงมาจากคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ ควันบุหรี่ มลพิษรอบตัว การขาดสารอาหาร เป็นต้น
- สารก่อภูมิแพ้ เป็นสารที่มีความแปลกปลอมต่อร่างกาย เช่น สัตว์ แมลง จุลินทรีย์ เชื้อรา ไวรัส หรือ สารที่พบในสิ่งแวดล้อม มลพิษ ละอองเกสร สารโลหะหนัก สารกันบูด ยา น้ำหอม
โดยสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทาง การหายใจ การกิน การสัมผัส หรือ การฉีด และเมื่อสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เข้าสู่ร่างกายแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะมีการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ที่มากกินไป ซึ่งเรียกว่า ภาวะภูมิไวเกิน ( Hypersensitivity ) และส่งผลให้เกิดอาการแพ้ตามมา
- ปัจจัยเสริมอื่น ๆ เช่น ฝุ่น โรคติดเชื้อ สารระคายเคือง ความเครียด ความวิตกกังวล การออกกำลังกาย อุณหภูมิที่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
สารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดโรคโรคหอบหืด หรือ โรคเยื่อบุจมูกอักเสบ
- เช่น สะเก็ดผิวหนังของสัตว์ , แมลงสาบ , ไรฝุ่น , รา , สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร , น้ำยาง , เกสรหญ้า , เกสรต้นไม้ , เกสรวัชพืช
สารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- เช่น แบคทีเรีย ไรฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร สารก่อภูมิแพ้จากการประกอบอาชีพ สารภูมิแพ้ของร่างกายเอง
สารก่อภูมิแพ้ ที่ทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรง
- เช่น สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร พิษแมลง ยา
สารมลพิษในอากาศ ( Air Pollutant ) ที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้อากาศ
- อนุภาคสาร และแก็สต่างๆ
- สารมลพิษภายนอกบ้าน เช่น เกิดจากการเผาไหม้เชิ้อเพลิง (ซัลเฟอร์ออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ )
- สารมลพิษชีวภาพ เช่น ละอองถั่วเหลือ สปอร์เชื้อรา
- สารมลพิษในครัวเรือน เช่น แอสเบสทอสฟอร์มัลดีไฮด์ สารจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง
ขนาดของอนุภาคที่แตกต่างกัน จะเข้าสู่ร่างกายได้ต่างกัน
- ขนาดมากกว่า PM 10 จะไม่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
- ขนาด PM10 ถึง 5 เข้าสู่ทางเดินหายใจตอนต้น
- ขนาดน้อยกว่า 5 สามารถลงลึกเข้าสู่ทางเดินหายใจตอนล่างได้
กลไกการเกิดโรคภูมิแพ้
เป็นกระบวนการที่เกิดต่อเนื่องโดย
- เริ่มจากการที่ร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ จะมีการกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้ย์ (IgE) แล้วไปเกาะบนผิวเซลล์มาสท์ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะยังไม่มีการแสดงอาการ
- เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้อีกครั้ง สารก่อภูมิแพ้จะถูกจับด้วย IgE ที่เกาะอยู่บนเซลล์มาสท์ ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารตัวกลางที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น บวม แดง ร้อน เจ็บ คัน จาม น้ำมูกไหล ท้องเสีย หายใจติดขัดเป็นต้น
ดังนั้นการตัดวงจรของการก่อโรคภูมิแพ้ตั้งแต่ต้น คือ
” การป้องกันไม่ให้สารก่อโรคภูมิแพ้เข้าสู่โพรงจมูกของเรา “
การรักษาโรคภูมิแพ้
- ให้ยารักษาตามอาการ
- ยาต้านฮีนตามีน
- สเตียรอยด์พ่น
- ยาต้าน LgE
- การฉีดวัคซีน (Allergen Immunotherapy)
- การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ
การควบคุมสิ่งแวดล้อม รวมทั้งป้องกันที่สาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดโรค
เราสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงการเกิดโรค จากสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดโรคภูมิเเพ้ได้ดังต่อไปนี้
ไรฝุ่น
- ใช้ปลอกหมอนหรือที่คลุมที่ไรฝุ่นไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ( ทอด้วยเส้นใยที่แน่นพอ )
- ซักที่นอนทุก ๆ สัปดาห์ด้วยนํ้าที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 4 องศาเซลเซียส หรือ 130 องศา ฟาเรนไฮต์
- หลีกเลี่ยงการติดพรม
- ใช้มู่ลี่แทนผ้าม่าน
- ไม่ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ห่อหุ้มด้วยวัสดุนุ่ม
- ลดความชื้นในอากาศในบริเวณพื้นที่ร่ม
- ดูแลความเป็นระเบียบของสิ่งของในห้องนอนและห้องนั่งเล่นให้มากที่สุด
รังแคจากสัตว์
- หลีกเลี่ยงสัตว์ที่มีขนเยอะและอย่าให้สัตว์เหล่านี้เข้าไปในห้องผู้ป่วย
แมลงสาบ
- ควบคุมปริมาณอาหารและนํ้าในบ้านไม่ให้มากเกินไป
- ดูแลห้องครัวและห้องนอนให้แห้ง ไม่ให้มีแหล่งนํ้าหรือมีรอยแตกบนผนัง
- ให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลการกําจัดแมลง
เชื้อรา
- ซ่อมแซมพื้นที่ที่เกิดความชื้นได้ง่าย
- ดูแลห้องคนไข้ไม่ให้มีความชื้นสูง
- ใช้แผ่นกรองอากาศแบบเฮป้า (HEPA) ในที่อยู่อาศัย
- ซ่อมแซมจุดที่มีนํ้ารั่วซึม
- ใช้พื้นแบบไม้เนื้อแข็งแทนพื้นพรม
- ตรวจสอบห้องใต้ดิน ห้องใต้หลังคา และพื้นที่แคบที่เข้าถึงยากเป็นประจํา ไม่ให้มีนํ้าขัง หรือเกิดรา
ละออง
- ปิดกระจกรถและกระจกบ้านอยู่เสมอ ไม่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากเกินไป
- จํากัดการไปเข้าแคมป์การปีนเขา และอยู่ในพื้นที่ที่มีใบไม้ร่วง
- เปิดแอร์ขณะขับรถและอยู่บ้าน
- ติดตั้งเครื่องกรองอากาศแบบเฮป้า (HEPA) ที่สามารถพกพาได้
อ้างอิง
- บรรยาย “ รู้จักกับโรคภูมิแพ้จากภัยร้ายใกล้ตัวคุณ ” โดย ผศ.ดร.นพ.อธิป นิลแก้ว แพทย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- Modified from Leung DYM, Sampson HA, Geha RS, et al: Pedlatric allergy principles and practice, St. Louis, 2010, Mosby
สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 | สารก่อภูมิเเพ้** | เชื้อไวรัส เเบคทีเรีย | สิ่งปนเปื้อนขนาดเล็กถึง 0.0024 ไมครอน* | สิ่งปนเปื้อนในอากาศได้ถึง 99.99%*เครื่องกรองอากาศแอทโมสเฟียร์